ตอนที่ 11
อรุณถามว่าเดือนพัตราเป็นอย่างไรบ้าง เหมหิรัญญ์ส่ายหน้ายังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เขามีอาหารกับเสื้อผ้าติดมาให้ทั้งคู่ด้วย แต่ปรากฏว่าเหมหิรัญญ์แว่บกลับบ้านเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้เธอกับตัวเองเรียบร้อยแล้ว
ooooooo
หันตรายังอึ้งไม่หายที่เหมหิรัญญ์ยิงฟันไม่เข้าบ่นกับจ่าสนองถ้าไม่ได้เห็นกับตาตัวเองไม่มีทางเชื่อว่าจะมีคนแบบนี้บนโลก จ่าชั่วยืนยันว่ามันไม่ใช่คนธรรมดา บางทีเรื่องผีกระจกที่เฝ้าขุมทรัพย์ในบ้านรัชดา-พิพัฒน์อาจเป็นจริงก็ได้ แม้จะเห็นด้วยตาตัวเองว่าเหมหิรัญญ์อยู่ยงคงกระพันแต่หันตราก็ไม่ปักใจเชื่อนัก
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆก็หมายความว่านายหัวต้องการทรัพย์สินของบ้านรัชดาพิพัฒน์ ยิ่งตอนนี้นายหัวโดนคดี ตำแหน่งนายกเทศมนตรีก็กำลังจะหมด ธุรกิจก็มีปัญหา ผมว่านายหัวคงไม่ปล่อยให้บ้านนั้นหลุดมือไปแน่ๆ” ทัศน์เทพตั้งข้อสังเกต หันตราเสียงกร้าวหากเป็นอย่างนั้นจริง เรายิ่งยอมให้บ้านหลังนั้นตกเป็นของนายหัววรงค์ไม่ได้เด็ดขาด มันจะต้องตกต่ำสุดๆ เธอจะต้องเอาทุกอย่างของมันมาเป็นของตัวเองให้ได้...
ขณะที่เหมหิรัญญ์ยืนปรึกษาหารือกับอรุณอยู่หน้าห้องพักในรีสอร์ตเพื่อจะเล่นงานทั้งนายหัววรงค์และหันตราไปพร้อมๆกัน มีเสียงเดือนพัตรากรีดร้องด้วยความตกใจดังขึ้น เหมหิรัญญ์หันขวับไปทางห้องที่เธอนอน เดินหายเข้าไปในประตูกระจก อรุณจะวิ่งตามแต่ดันไม่เปิดประตูชนโครมหงายหลังก้นจ้ำเบ้า
เสียงร้องของเดือนพัตราดังไปถึงหูมรุตที่พักในบังกะโลห่างออกมา โดยที่จ่าสนิทไม่ได้ยินอะไรสักอย่างเขาลุกพรวดไปดูที่ระเบียงบ้านมองไปทางบังกะโลที่เหมหิรัญญ์อยู่โดยมีจ่าสนิทตามออกมาด้วย
“ผมว่าผู้กองคงเครียดเรื่องคุณเดือนเลยได้ยินอะไรเป็นคุณเดือนไปหมดนะครับเนี่ย”
มรุตเงี่ยหูฟังเสียงร้อง แต่ไม่ได้ยินอะไรอีก สงสัยตัวเองจะหูฝาดอย่างที่จ่าสนิทว่า...
เหมหิรัญญ์กอดเดือนพัตราไว้ปลอบว่าแค่ฝันร้ายไม่มีอะไร ไม่ต้องกลัว เธอเล่าความฝันให้ฟังว่าเห็นเขาถูกยิงแล้วก็หายไป เธอพยายามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ เขาปลอบว่าแค่ความฝัน เขาไม่ไปไหนแน่นอน อรุณเปิดประตูผลัวะเข้ามาเห็นทั้งคู่กอดกันอยู่บนเตียง เดือนพัตราเขินมากรีบดันตัวออกห่างจากเหมหิรัญญ์