ตอนที่ 14
ระหว่างที่ทรงศิริถูกคุณหญิงพันฉวีซักฟอกอยู่ในที่ประชุมสมาคม ท่านมานพให้เลขาฯโทร.มาหา วิวรรณจะขอดูบ้านที่หนองพรายสนใจจะซื้อ เธอติดต่อทรงศิริไม่ได้ ไลน์ไปหาประภาพรรณก็ไม่อ่าน จึงปรึกษากับชาลีว่าจะทำอย่างไรดี ท่านจะพาท่านมานพไปดูบ้านเองสั่งให้เอารถออก เธอแนะให้รอทรงศิริก่อน
“รอให้เสียโอกาสเหรอ มานพมีเมกะโปรเจกต์ในมือตั้งกี่โครงการ เอาบ้านหนองพรายสับปะรังเคแลกโครงการดีๆมาสักโครงการ ฉันก็คุ้มแล้ว โทร.ไปหาเลขาฯเขา บอกเลยว่าฉันจะไปเปิดบ้านหนองพรายให้เอง”
“ค่ะท่าน” วิวรรณคว้ามือถือมากดเบอร์ ความโลภทำให้ชาลีลืมเรื่องผีบ้านหนองพรายไปสนิทใจ...
ขู่ทุกคนเสร็จ ทรงศิริเดินเชิดหน้าออกจากห้องประชุม ประภาพรรณเร่งฝีเท้าตามมาติดๆพลางต่อว่าว่าทำไมถึงให้เธอรับผิดอยู่คนเดียวในเมื่องานทั้งหมดท่านเป็นคนสั่งให้เธอทำ
“นี่จะโวยวายอะไรเรื่องแค่นี้ ใครเขาก็ใช้ลูกน้องทำทั้งนั้นไม่ต้องกลัวหรอกรับๆไปก่อน ทนายเราเก่งเธอไม่ติดคุกหรอก” ว่าแล้วทรงศิริเดินลิ่วออกไป คุณหญิงพันฉวีที่หลบมุมแอบฟังรีบเดินเข้ามาหาประภาพรรณ เป่าหูว่าเดี๋ยวนี้คดีทุจริตไม่ใช่จะหลุดกันง่ายๆ เธอยังสาวยังมีอนาคตทำไมต้องมาติดคุกเพราะงานผิดกฎหมายของคนอื่น เตือนให้คิดให้ดีๆ เพราะนี่จะเป็นโอกาสสุดท้ายที่เธอจะกลับตัว ประภาพรรณครุ่นคิดคล้อยตาม...
จากนั้นไม่นาน ชาลีมายืนอยู่หน้าเรือนไทยหนองพราย คนขับรถยืนรออยู่ด้านหลังท่าทางกลัวสุดๆ ท่านเห็นแล้วรำคาญสั่งให้ไปรอที่รั้ว คอยดูรถท่านมานพไว้ มาเมื่อไหร่ให้รีบพาเข้ามา คนขับรถรับคำจ้ำพรวดๆออกไป ชาลีมองไปบนเรือนไทยยังขยาดไม่หายเมื่อนึกถึงที่โดนผีหลอกครั้งก่อน แต่ความโลภชนะความกลัว
“ฉันไม่กลัวแกหรอก ผีมีที่ไหน วันนี้แหละฉันจะขายบ้านหลังนี้แลกเงินก้อนมหึมา ดูสิผีบ้าผีบอมันจะขวางทางรวยฉันได้อย่างไร” ชาลีโลภจนลืมความกลัว
ที่โคกร้าง ผีเจ้าฟ้าทิพฉายนั่งอ่อนแรงอยู่รับรู้ถึงการมาของชาลีอยากจะตามไปห้ามแต่ทำไม่ได้...
จอมโลภทำใจดีสู้ผีเปิดประตูเข้ามาในเรือนไทย ค่อยๆไล่เปิดหน้าต่างไปทีละบานเพื่อให้แสงสว่างเข้ามาแต่คอยกวาดตามองไปรอบๆอย่างหวาดระแวง ทันใดนั้นมีเสียงโซ่ตรวนลากพื้นดังขึ้นด้านหลัง เขาหันมองไม่เห็นอะไรผิดปกติ หันกลับไปเปิดหน้าต่างต่อ มีเสียงโซ่ตรวนลากพื้นดังขึ้นอีกคราวนี้เสียงใกล้มาก ชาลีหันขวับแทบผงะหงายหลังเมื่อเจอผีเจ้าพระยามหศักดิ์ยืนประจันหน้า