ตอนที่ 14
ด็อกเตอร์หนุ่มสะดุ้งเฮือกลืมตาตื่น มองไปรอบๆ ไม่เห็นใคร เอะใจบางอย่างขึ้นมาคว้ากุญแจรถออกไป ไม่นานนัก ภาธรมานั่งอยู่ตรงหน้าตุ้มน้องสาวของชาดาสอบถามถึงวันที่เธอตาย ตุ้มเล่าให้ฟังว่าวันนั้นตนเองไม่อยู่บ้าน กลับมาอีกทีเห็นพี่สาวนอนคอหักอยู่ที่สนาม เขาอยากรู้ว่ามีใครมาที่ห้องพักของชาดาบ้างไหม
“ไม่มีค่ะ ในกล้องวงจรปิดก็ไม่เห็นใคร เห็นแต่พี่ชาดาวิ่งหนีเหมือนกลัวอะไรสักอย่างแล้วก็พุ่งตกระเบียงไป...คดีไม่คืบหน้าเลย” ตุ้มเล่าไปซับน้ำตาไปด้วย “ตอนแรกพี่ชาดาเขาป่วย หลอนเอาแต่บอกว่าเห็นผี พอสักพักอาการดีขึ้นเหมือนจะหายแล้วแต่อยู่ๆก็มาตายแบบนี้ ไม่รู้เวรกรรมอะไร”
ผีเจ้าฟ้าทิพฉายยืนมองภาธรอยู่ที่มุมมืดของห้องพึมพำว่าตัวเองไม่ได้สั่งให้ผีสมชายฆ่า ชาดาตกลงมาเอง เขาไม่ได้ยินที่เธอพูด เธอจึงเดินเข้าไปหายังไม่ทันถึงตัว ผีชาดาในคราบนิ่มโผล่มาขวางหน้าไว้
“บาปกรรมของท่านจะไม่มีวันลบล้างได้เจ้าฟ้าทิพฉาย ท่านก่อกรรมกับทุกคน”
“ข้าไม่ได้ฆ่าเจ้า ชาติไหนๆข้าก็ไม่ได้ฆ่าเจ้า นังนิ่ม”
“ท่านไม่ได้ฆ่าด้วยมือ แต่วาจาท่าน คำสั่งท่านฆ่าคนไม่มีความผิด” คำพูดของผีชาดาทำเอาผีเจ้าฟ้าทิพฉายตกใจเนื่องจากไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน...
ผีชาดาเล่าเรื่องในอดีตให้ฟังว่าตอนนั้นออกญาพิชิตแสนพลยังไม่รู้ว่าหญิงที่ตัวเองหมายปองคือราชธิดา เดินมาเจอเธอกำลังเด็ดดอกจำปีที่ลานหลังวัด เขาเข้าไปทางด้านหลังเพื่อเก็บให้ เธอหันมาพอดีแก้มชนปากเขา สองคนสบตากันอย่างลึกซึ้ง ชาวบ้านสามคนพ่อแม่ลูกเพิ่งกลับจากทำบุญผ่านมาเห็นทั้งคู่ เจ้าฟ้าทิพฉายตกใจรีบผละออกห่าง พ่อกับแม่เห็นออกญาพิชิตแสนพลแต่งทหารรีบดึงลูกที่อยากจะไปเก็บดอกจำปีไว้
“ไปๆอย่ากวนเขา” พ่อว่าแล้วช่วยกันกับแม่พาลูก ออกไปอีกทางหนึ่ง
เจ้าฟ้าทิพฉายมองตามอย่างหวาดระแวง ปริกที่ยืนรอรับใช้รีบเข้ามาพร้อมกับนิ่ม เจ้าฟ้าทิพฉายบอกกับออกญาพิชิตแสนพลว่าออกมานานแล้วขอตัวกลับก่อน เขาอาสาจะไปส่งถึงเรือน เธอส่ายหน้า
“ไม่ต้อง เรากลับกับคนของเรา” เจ้าฟ้าทิพฉาย มองออกญาอย่างเขินๆ ก่อนจะถือดอกจำปีที่เขาเก็บให้ผละจากไป ครั้นเดินพ้นสายตาเขา เจ้าฟ้าทิพฉายหันไปบ่นกับปริกว่าพ่อแม่ลูกนั่นเห็นเธอเต็มสองตา ปริกมั่นใจว่าพวกนั้นไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร เธออยากให้แน่ใจว่าพวกมัน จะไม่เอาไปพูดว่าเธอมาเจอกับออกญาพิชิตแสนพลที่นี่ แล้วหยิบถุงทองส่งให้ปริกซึ่งรับมาเหน็บชายพกไว้ก่อนจะเดินแยกไปอีกทางหนึ่ง