ตอนที่ 14
ผกากับคุณหลวงไพรัชเห็นสภาพชาลีแล้วพากันใจหาย โดยเฉพาะผกาถึงกับออกปากทำไมท่านถึงเป็นอย่างนี้ อรณีเล่าว่าคุณแม่ไม่อยากให้คนนอกเห็นสภาพคุณพ่อก็เลยจะให้อาจารย์หมอของสารัชมาช่วยดูให้
“ปริตตาบอกว่าเพ้อว่ามีคนจะมาฆ่า มีคนใส่ตรวนที่ขา”
อรณีดูทั่วแล้วไม่เห็นมีโซ่ตรวนตรงไหน ทั้งผกาและอรณีไม่เห็นตรวนที่ขาชาลีมีเพียงคุณหลวงเท่านั้นที่มองเห็น ชาลีค่อยๆรู้สึกตัวลืมตาขึ้น เห็นพี่สาวก็โอดครวญว่ามีคนจะฆ่าตน วานให้พี่ช่วยไล่มันไปที ผกาได้แต่กอดน้องไว้ปลอบว่าไม่ต้องกลัวเธออยู่ตรงนี้แล้ว จากนั้นเธอหันไปทางคุณหลวงขอให้ช่วยน้องของเธอด้วย
“มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ ยึดถือสิ่งใดสิ่งนั้นย่อมเสื่อมไป ยกเว้นก็แต่ยึดถือธรรม คุณชาลีระลึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ไว้เถอะนะ ระลึกถึงสามสิ่งนี้ไว้ให้จิตสะอาดให้ไปในหนทางที่ดีที่สว่าง”
ชาลีไม่รับรู้ในสิ่งที่คุณหลวงพูดได้แต่ซุกในอ้อมกอดของพี่สาวสีหน้าหวาดกลัวสุดๆ เมื่อเห็นสมควรแก่เวลา ผกาชวนคุณหลวงกลับ เดินลงมาเจอทรงศิรินั่งหน้าเชิดคอตั้งอยู่ที่ห้องโถง ปรี่เข้าไปขอร้องให้เธอพาชาลีไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล เธอกลับบอกว่าเขาแค่ป่วยนิดหน่อยจะต้องเสียเงินแสนเงินล้านทำไม
“เงินมันสำคัญกว่าชีวิตคนมากนักเหรอ ทรงศิริถ้าเงินมันสำคัญกับเธอขนาดยอมทนเห็นสามีทรมานได้ ฉันก็คงเตือนสติอะไรคนหิวเงินอย่างเธอไม่ได้อีกแล้ว” ผกาต่อว่าเป็นชุด ทรงศิริไม่ยอมให้ถูกด่าฝ่ายเดียว ด่าพี่สามีคืนไปบ้าง คุณหลวงพยายามขอร้องให้ทรงศิริฟังคำเตือนกันสักนิด เธอยิ่งไม่พอใจเชิญสองผัวเมียกลับไปได้แล้วแล้วเบือนหน้าหนี ผกามองผิดหวัง
“เกินจะเยียวยาแล้ว รอแต่วันจบสิ้นเป็นไปตามกรรมที่ก่อไว้”...
รวิปรียาเห็นผีเจ้าฟ้าทิพฉายพยายามจะลุกขึ้น ก้มไปช่วยจับแต่เธอปัดมือไม่ต้องการความช่วยเหลือ ยันตัวเองลุกขึ้นยืนจนได้แต่โงนเงนเรี่ยวแรงแทบไม่เหลือ ไม่วายปรี่เข้ามาจะบีบคอรวิปรียาอีก ภาธรตามมาทันร้องห้ามเธออย่าทำร้ายรวิปรียา ผีร้ายเห็นชายคนรักมาก็ดีใจทวงสัญญาที่เขาเคยให้ไว้ว่าจะรักเธอทุกชาติ
“ทิพฉายไม่มีอะไรอยู่คงที่ แม้แต่สิ่งที่ยึดมั่นที่สุดอย่างคำสาบานหรือความรัก” สิ้นเสียงภาธรเกิดลมพัดแรง ฟ้าแลบแปลบปลาบส่งเสียงร้องดังสนั่น ผีเจ้าฟ้าทิพฉายตัดพ้อเขาทำไมพูดแบบนี้ ไม่รักเธอแล้วหรือ ลืมสัญญาของเราแล้วใช่ไหม เขาขอร้องอย่าอาฆาตจองเวรกับใครอีก สละความยึดเหนี่ยวได้แล้ว