ตอนที่ 14
วิวรรณไม่เห็นหนทางจะหายได้ ท่าทางชาลีเมื่อครู่เหมือนผีเข้าไม่มีผิดเพี้ยน ทรงศิริรำคาญสั่งให้เงียบ ผีเจาะปากมาหรืออย่างไร วิวรรณเถียงว่าผีเจาะปากยังดีกว่าถูกผีเข้า อรณีเห็นแม่กำลังต่อปากต่อคำอยู่กับวิวรรณขอร้องให้พอได้แล้ว เถียงกันไปก็ไม่ทำให้คุณพ่อหายป่วย
“คุณแม่คะ คุณแม่ไม่พาคุณพ่อไปโรงพยาบาลคุณแม่ก็ต้องให้หมอมาดูอาการคุณพ่อที่นี่”
“ก็ได้...พาหมอมาที่นี่ อย่าให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไปนอกบ้าน” ทรงศิริอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด คุยกับแม่เสร็จ อรณีเข้าไปดูแลพ่อ ปัดเนื้อปัดตัวที่เลอะของกินพร้อมกับเก็บขนมที่เลอะพื้นอีกด้วย...
ด้วยความเป็นห่วงน้องชาย ผกาชวนคุณหลวงไพรัชมาเยี่ยม ทีแรกทรงศิริไม่อนุญาต แต่สุดท้ายทนเสียงรบเร้าของผกาไม่ไหว...
ระหว่างที่ผกากับคุณหลวงขึ้นไปเยี่ยมชาลีที่ห้องนอน รวิปรียามายืนอยู่ใต้ต้นไม้ที่โคกร้าง กวาดตามองไปรอบๆโดยไม่รู้ว่ามีเลือดหยดใส่เสื้อ ร้องเรียกให้ผีเจ้าฟ้าทิพฉายออกมาหา เธอรออยู่อึดใจไม่เห็นอีกฝ่ายออกมาขยับจะไป แต่มีเลือดหยดมาถูกแขนจึงเงยหน้าขึ้นมอง เจอผีเจ้าฟ้าทิพฉายนั่งห้อยเท้าอยู่บนกิ่งไม้ จ้องมองด้วยสายตาเกลียดชัง แค่พริบตาเดียวผีร้ายมาโผล่ตรงหน้าคว้าคอรวิปรียาบีบด้วยแรงอันน้อยนิด
“ดูสิ ดูข้าให้เต็มตานี่คือสิ่งที่เจ้าทำกับข้า”
ผีเจ้าฟ้าทิพฉายที่ตอนนี้อยู่ในสภาพเริ่มเน่าเปื่อยตัวช้ำเลือดช้ำหนองแต่ใบหน้ายังคงงดงาม “เจ้ามาเพื่อช่วงชิงความสุข ช่วงชิงทุกอย่างที่ข้ามี”
“ท่านถึงผูกใจเจ็บ อยู่เพื่อจองเวรเรา...ไม่ใช่เราที่ทำลายตัวท่าน ใจที่มีแต่ไฟต่างหากที่เผาจนท่าน
ไม่เหลือความสุข เจ้าฟ้าทิพฉายปล่อยวางทุกอย่างซะ”
ผีเจ้าฟ้าทิพฉายไม่ยอมปล่อยวางอะไรทั้งนั้น แถมยังต่อว่ารวิปรียาด้วยเรื่องเดิมๆว่ามาที่นี่เพื่อแย่งภาธรไปจากตน เพราะจริงๆแล้วรวิปรียาก็รักเขาเช่นกัน เธอยอมรับว่ารักภาธร แต่ความรักของเธอไม่ทำร้ายใครเหมือนความรักของอีกฝ่าย ผีเจ้าฟ้าทิพฉายไม่พอใจพยายามออกแรงบีบคอรวิปรียาให้หนักมือขึ้น แต่กลับถูกแสงออร่าจากเธอกระแทกล้มกลิ้ง ผีร้ายไม่ยอมแพ้พุ่งเข้าหาแต่ไร้เรี่ยวแรงล้มลงอีกครั้ง แต่ยังกัดฟันคลานมาคว้าข้อเท้าเธอไว้ ประกาศกร้าวจะต้องชนะเธอให้ได้
ooooooo