ตอนที่ 14
ผีเจ้าฟ้าทิพฉายเสียใจมากที่เขาไม่เหลือความผูกพันทั้งที่เธอรักและรอเขามาทุกภพทุกชาติ ทำแบบนี้เท่ากับผลักเธอกลับไปอยู่ในความทรมาน รวิปรียาปลอบว่าเธอจะไม่ทรมานถ้าเลิกยึดเหนี่ยวรักที่เป็นไปไม่ได้
“เชื่อเราเถอะเจ้าฟ้าทิพฉาย เราก็รู้จักเหมือนท่าน รักที่เป็นไปไม่ได้” รวิปรียาเจ็บปวดน้ำตาคลอเช่นกัน...
อาการป่วยของชาลีหนักขึ้น กำลังหลับอยู่ดีๆลุกพรวดขึ้นพยายามแกะโซ่ตรวนออกจากขา โซ่ที่มีแค่เขากับคุณหลวงไพรัชเท่านั้นที่เห็น การกระทำของเขาครั้งนี้ทำให้เล็บจิกขาเลือดไหลอาบ...
คุณหลวงไพรัชเห็นผกาหน้าเครียดตั้งแต่กลับจากเยี่ยมน้องชาย ชวนไปสวดมนต์ให้ใจสงบ เราทำอะไรไม่ได้ ใครทำอะไรไว้ก็ต้องได้รับผลกรรมอย่างนั้น ผกาน้ำตาซึมที่ไม่สามารถช่วยอะไรน้องชายตัวเองได้
ooooooo
ผีเจ้าฟ้าทิพฉายยังคงโทษรวิปรียาเป็นต้นเหตุให้คนรักของตนเปลี่ยนใจ ถ้าไม่มีเธอเขาต้องเป็นของตน แล้วพุ่งเข้าหา รวิปรียาเบี่ยงตัวหลบทำให้ผีเจ้าฟ้าทิพฉายหน้าคะมำ ภาธรจะเข้ามาช่วยพยุง รวิปรียาแค่ยกมือขึ้นเขาขยับตัวไม่ได้ ภาธรขอร้องให้เธอปล่อย เขาจะช่วยผีเจ้าฟ้าทิพฉาย
“ไม่มีใครช่วยเขาได้อีกแล้ว ความโกรธเกลียดอาฆาตในใจกำลังเผาตัวเขาเอง”
“เจ้ากีดกันข้ากับออกญาไม่ได้ ความรักพาข้าไปได้ทุกที่ แม้กระทั่ง...นรก” ผีเจ้าฟ้าทิพฉายกัดฟันลุกขึ้นจะไปหาภาธร ทันใดนั้นมีไฟลุกขึ้นจากพื้นดิน ทุกก้าว
ที่เธอเหยียบย่างไฟติดเท้าเหมือนย่ำบนกองไฟ เพลิงไล่ขึ้นมาที่ขาแต่เธอไม่ยอมแพ้ยังคงเดินเข้าหาภาธรโดยไม่สนใจเสียงห้ามปรามของรวิปรียา
“เจ้าฟ้าทิพฉายหยุดไฟกิเลส อย่าให้มันเผาใจเผาร่างของท่าน ดับมันด้วยตัวเอง”
“ไม่ ข้าไม่หยุด ความตายก็หยุดความรักของข้าไม่ได้” ผีเจ้าฟ้าทิพฉายกัดฟันก้าวอีก คราวนี้ไฟโหมไหม้ร่าง เธอกรีดร้องล้มลงดิ้นทุรนทุราย ภาธรได้แต่ยืนดูขยับตัวไม่ได้...
ปริตตาชวนทินเทพมาที่เรือนไทยหนองพราย เขามองไปรอบเรือนที่เงียบกริบ อดถามเธอไม่ได้ว่า
ไม่กลัวหรือ เธอส่ายหน้าจะกลัวทำไมในเมื่อเรามาอย่างบริสุทธิ์ใจทรุดตัวลงนั่งกลางบ้านพนมมือขึ้น ทินเทพทำตาม
“ถ้าคุณตาหนูทำอะไรผิดพลาดไป หนูกราบขออภัย อโหสิกรรมให้คุณตาหนูด้วยนะคะ” ปริตตาว่าแล้วก้มลงกราบ ทินเทพกราบตาม สิ้นเสียงขอขมาของปริตตาที่หนองพราย ชาลีซึ่งยังอาละวาดอยู่บนเตียงดึงโซ่ตรวนที่ตัวเองเห็นเพียงคนเดียว หงายหลังตึงหัวใจหยุดเต้นไปเลย อรณีที่พยายามห้ามท่านทำร้ายตัวเองตกใจแทบช็อกกอดร่างท่านไว้เขย่าตัวให้ฟื้นแต่ไม่สำเร็จ