ตอนที่ 13
หมออนุญาตให้เหมหิรัญญ์กลับมาพักฟื้นต่อที่บ้านได้ พิมพ์ดาราเห็นว่าเขาปลอดภัยและเรื่องการตายของประพิมก็คลี่คลายได้แล้วเสนอให้เดือนพัตราจัดงานเผาศพประพิม แล้วจะได้กลับอเมริกาด้วยกัน เดือนพัตราเห็นด้วยกับงานเผาศพคุณยายแต่เรื่องกลับอเมริกาคงต้องไว้ก่อน แล้วมองไปทางเหมหิรัญญ์อย่างห่วงใย
“ห่วงตาเหมเหรอ ก็ลูกบอกเองนี่ว่าตาเหมอยู่ที่อเมริกา กลับไปพร้อมกันเลยก็ดีนะ ดีไหมจ๊ะตาเหม”
เหมหิรัญญ์อึกอักไม่รู้จะตอบอย่างไร เดือนพัตราชิงพูดตัดหน้าว่าอยากให้เขาหายดีก่อน ถ้าแม่อยากกลับก็กลับไปก่อนได้เลย พิมพ์ดาราตัดพ้อนี่ไล่กันเลยหรือ เธอไม่ได้ไล่แค่เห็นว่าแม่ทิ้งงานมานานแล้ว
“เผื่อมีอะไรต้องเคลียร์ แล้วเรื่องทางนี้ก็ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว”
“อ่ะจ้า...อ่ะจ้า ก็แล้วแต่”
ศิถีแอบถอนใจโล่งอกที่เดือนพัตราตัดสินใจอยู่เมืองไทยต่อไป
ooooooo
งานเผาศพประพิมจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย มีเพียงคนในครอบครัว อรุณ ปริทัศน์กับมรุตและจ่าสนิทเท่านั้นที่มาร่วมงาน ทุกคนทยอยขึ้นไปวางดอกไม้จันทน์บนเมรุโดยที่เดือนพัตราวางเป็นคนสุดท้าย
“เรื่องทุกอย่างจบแล้วนะคะคุณยาย...คุณยายหลับให้สบายนะคะ” ใส่ดอกไม้จันทน์เสร็จ เดือนพัตราลงจากเมรุพร้อมกับแม่ เหมหิรัญญ์ที่เดินปิดท้ายได้ยินเสียงประพิมร้องเรียกชื่อเขาดังมาจากบนเมรุ หันขวับไปดู เจอแมวดำตัวหนึ่งนั่งมองมาทางเขา ก่อนจะโดดหนี
เขามองตามไม่สบายใจนัก ปริทัศน์เข้ามาลาเดือนพัตรากลับกรุงเทพฯ ไว้เธอสะดวกเมื่อไหร่เขาจะมาขอสำรวจบ้านรัชดาพิพัฒน์อีกครั้ง เธอยินดีให้เขามาสำรวจได้ทุกเมื่อ
วโรชาเดินเข้ามาพอดี มีเรื่องจะขอคุยกับเดือนพัตราเป็นการส่วนตัว ทั้งมรุต เหมหิรัญญ์และจ่าสนิทมองตามสองสาวที่เดินแยกไปคุยกันอีกทางหนึ่งอย่างหวั่นใจ เกรงประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเดิมเหมือนคราวก่อน แต่ครั้งนี้ผิดคาด วโรชาไม่ได้มาหาเรื่องแต่มาเพื่อขอโทษเดือนพัตราแทนพ่อของตัวเองที่ทำไม่ดีกับเธอเอาไว้
“ฉันอยากให้เราอโหสิกรรมให้กัน ยกโทษให้ฉันกับเรื่องที่ผ่านมาได้ไหม ฉันมาก็เพื่อพูดแค่นี้ล่ะ” พูดจบวโรชาหันหลังจะไป เดือนพัตราร้องเรียกไว้ ยินดียกโทษให้ วโรชาแสร้งยิ้มดีใจเข้าไปจับมืออีกฝ่าย ขอบคุณ ที่เข้าใจตนและตนจะพยายามชดเชยในสิ่งที่ตนกับพ่อเคยทำไม่ดีกับเธอ แล้วหันหลังเดินจากไปพอพ้นระยะเท่านั้นสีหน้ายิ้มแย้มเปลี่ยนเป็นเคียดแค้น แต่พอเดินมาหามรุต วโรชาปรับสีหน้าเป็นสำนึกผิด
“พี่มรุตพอจะมีเวลาให้แหวนสักหน่อยไหมคะ”