ตอนที่ 14
“ผมดีใจที่คุณมา ผมขอโทษ คุณยกโทษให้ผมด้วย”
“คุณทำให้ครอบครัวฉันพัง คนอื่นต้องมารับเคราะห์และเสียชีวิตเพราะคุณ ฉันให้อภัยคุณไม่ได้”
ปิ่นปักสงสารพ่อและผิดหวังที่แม่ไม่ให้อภัย แต่ก็เข้าใจท่าน ขณะที่เปลวรู้สึกย่ำแย่
“ความสัมพันธ์ของเราจะเป็นอย่างไรต่อไป ฉันยังตอบคุณไม่ได้ แต่ขอให้คุณวางใจ ฉันจะทำหน้าที่ของแม่ ดูแลลูกปิ่นให้ดีที่สุด”
“แค่คุณมาเยี่ยมผม ผมก็ตื้นตันใจมากแล้ว เราจะได้เจอกันอีกไหม”
ธาราไม่ตอบ หันไปชวนปิ่นปักกลับ เปลวพยายาม จะยื่นมือไปจับมือธารา แต่เธอไม่ยอมจับด้วยหยิบแว่นดำขึ้นมาสวม แล้วผละจากไป เปลวผิดหวังที่เธอไม่ให้อภัย ปิ่นปักไม่รู้จะทำอย่างไรได้แต่มองพ่ออย่างเป็นกำลังใจให้ก่อนตามธาราไป แม้จะผิดหวัง แต่เปลวไม่ท้อ ตั้งใจจะสู้เพื่อพิสูจน์ความจริงใจให้ธารารับรู้...
ที่บ้านเพิ่ม นพนั่งกินข้าวกลางวันกับแม่เล็ก โดยมีเมนูปลาช่อนเผาเกลือ ผักลวกกับน้ำพริกแมงดา
“แม่เป็นคนขอร้องให้แม่ธาราไปหาคุณเปลวหรือ”
แม่เล็กพยักหน้ารับคำ นพสงสัยแม่ไม่โกรธคุณเปลวหรือเขาก็มีส่วนทำให้ครอบครัวแม่ต้องลำบาก แม่เล็กส่ายหน้า ถ้าเรายังจมอยู่กับอดีตเราจะเดินไปข้างหน้าได้อย่างไร นพยิ้มดีใจที่ท่านให้อภัยเปลว
ooooooo
ความผิดที่เปลวกระทำนอกจากมีโทษจำคุกแล้วยังถูกยึดทรัพย์อีกด้วย วันนี้ปิ่นปักต้องมาพบกับตำรวจและเจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ที่คฤหาสน์ของเปลว ระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังตรวจดูข้าวของในบ้าน นพเห็นสีหน้าเศร้าๆของเธอ รับรู้ว่าเธอเสียใจที่บ้านถูกยึดเดินเข้าไปหา
“เจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ไว้จนกว่าคดีจะสิ้นสุด คุณเสียดายหรือเปล่า”
“ฉันไม่เคยยึดติดทรัพย์สินนอกกาย สิ่งที่ฉันเสียดายคือความทรงจำ ฉันเกิดและเติบโตในบ้านหลังนี้ นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันได้มายืนอยู่ตรงนี้”
“ไม่ว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ความทรงจำที่ดีจะอยู่กับเราเสมอ” นพจับมือปิ่นปักไว้อย่างเป็นกำลังใจให้ เธอรู้สึกดีที่มีเขาอยู่เคียงข้าง...
เมื่อเสร็จธุระกับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ นพเดินนำปิ่นปักมาที่มอเตอร์ไซค์ เธอสงสัยว่าเขาจะพาไปไหน เขาตั้งใจจะพาเธอไปหาความทรงจำแล้วหยิบหมวกกันน็อกอีกใบหนึ่งโยนให้เหมือนที่เคยทำตอนที่เธอซ้อนมอเตอร์ไซค์เขาครั้งแรก เธอแปลกใจที่เขาโยนของให้ แต่ไม่ติดใจอะไรหยิบหมวกจะสวม เขาเสียงดังใส่
“เอ้า...โง่ ใส่ไม่เป็น”
“อะไรของนาย” ปิ่นปักยังไม่เก็ต
“อย่าบอกนะว่าไม่เคยนั่งมอเตอร์ไซค์...แอ๊บคุณหนูว่างั้น ใส่เลยนะ ไม่งั้นรถคว่ำสมองกระจาย เดือดร้อนเจ้าหน้าที่มูลนิธิต้องโกยต้องล้างถนน”