ตอนที่ 10
พสุปากแตกและมีแผลฟกช้ำนิดหน่อย บอกเจ้าจ้อยว่าตนไม่เป็นอะไรมาก แผลแค่นี้เดี๋ยวก็หาย ตอนออกรบเจอหนักกว่านี้หลายเท่า
เจ้าอุ่นคำที่ยืนอยู่กับเจ้าขุนแสงเรืองได้ทีต่อว่า “แต่ที่นี่ไม่ใช่สนามรบของคุณ โปรดอยู่ในความสงบหน่อย ตั้งแต่คุณเข้ามาที่นี่มีเรื่องมีราวตลอด”
“แล้วเรื่องมันเป็นยังไงมายังไง ถึงได้วิวาทกับยุพราชอีก” เจ้าหลวงถาม
“ยุพราชไม่ค่อยพอใจน่ะครับ ที่ผมเข้ามาพักอยู่ในคุ้ม เขาไม่เข้าใจว่าทำไมผมต้องเข้ามาอยู่ในนี้ ถ้าจะช่วยเฝ้าระวังพวกซาอูก็ทำหน้าที่ดูแลอยู่นอกคุ้มก็ได้ ส่วนการรักษาความปลอดภัยในคุ้ม ยุพราชว่าเป็นหน้าที่ขององครักษ์จาย”
“ใช่ ยุพราชพูดถูกต้องทุกอย่างเลย เฮาอยากถามซ้ำอีกครั้งว่าคุณเข้ามาอยู่ในคุ้มด้วยฐานะอะไร หรือว่าเกิดเบื่อหน่ายอาหารไทยอยากจะมาชิมอาหารเมืองจายในคุ้ม”
“อยากชิมไปชิมที่อื่น ในโรงแรมโน่น ไม่ใช่มาหากินที่นี่”
“เจ้าพี่ขุน! หมวดพสุเขาไม่ได้มาเดินเล่นแถวนี้นะเจ้าค่า เขามาทำงาน มาทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายในการดูแลคุ้มครองเรา”
“ดูแลคุ้มครองอยู่ข้างนอกคุ้มก็ได้ ทำไมต้องเข้ามา อยู่ในคุ้มให้เกะกะ”
“ฉันว่าเจ้าหลวงบอกกับทุกคนมาเสียทีเถอะ ว่าหมวดพสุเข้ามาทำหน้าที่อะไรในคุ้มจันทรานี่ ทุกคนจะได้หายข้องใจ” เจ้าอุ่นคำรุกเร่งเอาคำตอบ
“เอาล่ะ ขอให้ทุกคนทราบโดยถ้วนหน้ากันนะ นับแต่นี้ไปเฮาขอแต่งตั้งให้หมวดพสุเป็นผู้ดูแลเจ้าจ้อย กรุณาให้เกียรติเขาด้วย เข้าใจตรงกัน ไม่ต้องมาถามอีก”
ฟังเจ้าหลวงแล้วสองแม่ลูกนิ่งอึ้งไปทันที...ขณะเดียวกันที่ห้องพักยุพราช อกานซิงห์ยังคงต่อว่าลูกชายอย่างหัวเสีย โดยมีอ่อนคำยืนฟังอยู่ด้วย
“ตลอดเวลาที่เจ้าหลงรักเจ้าจ้อย พ่อพยายามเตือนสติ พยายามพูดให้เจ้าคิดได้ ตาสว่างเสียทีว่ามันไม่สมควร ไม่มีทางจะเป็นไปได้ แต่เจ้าไม่เคยฟังพ่อเลย แกเป็นลูกชายคนเดียว พ่ออยากเห็นแกมีความสุขสมหวัง มีครอบครัวที่อบอุ่น ไม่ใช่จมอยู่กับความรักลมๆแล้งๆ แกเข้าใจไหม พ่อถึงส่งแกไปเรียนวิชาการทหาร ไปประจำการอยู่เมืองนอก หวังว่าแกจะลืมเลือนเจ้าจ้อยได้”
“ต่อให้พ่อส่งเฮาไปสุดหล้าฟ้าเขียว ไปอยู่ขั้วโลกหรือใต้โลก เฮาก็จะยังรักเจ้าจ้อย ไม่มีวันที่เฮาจะลืมเจ้าจ้อยได้ เพราะเจ้าจ้อยอยู่ในนี้ อยู่ในหัวใจของเฮาตรงนี้” ยุพราชตบที่อกตรงหัวใจ อ่อนคำตกใจรีบห้าม
“ยุพราชอย่าตบตรงนี้สิ เจ้าบาดเจ็บอยู่นะ”