ตอนที่ 10
“ฉันไม่ได้พยายามทำให้เจ้าจ้อยรัก ไม่ได้พยายามแย่งเจ้าจ้อยไปจากแกด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นเอง”
“แต่ถ้าแกหักห้ามใจ ทำตามที่ฉันขอว่าอย่ายุ่งกับเจ้าจ้อย ห้ามรักเธอ เพราะฉันรักเธออยู่ก่อน ความรักระหว่างแกกับเจ้าจ้อยก็ไม่มีวันจะเกิดขึ้นได้ แต่แกกลับไม่แยแสคำขอของฉัน แล้วอย่างนี้แกยังเป็นเพื่อนฉันอยู่อีกหรือ”
“ไม่ใช่ไม่แยแส แต่ฉันไม่เคยคิดต่างหากว่าฉันจะไปหลงรักเจ้าจ้อยได้ มันเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวนะยุพราช มันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความตั้งใจหรือจงใจ แต่มันเกิดขึ้นเพราะความเห็นอกเห็นใจกันตอนที่ฉันกับเจ้าจ้อยหนีอยู่ด้วยกัน แกเข้าใจมั้ย”
“ฉันไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น” ยุพราชจ้องพสุราวจะกินเลือดกินเนื้อ พสุได้แต่ยืนมองอย่างอ่อนใจ
“ถ้าอย่างงั้นแกช่วยชี้ทางรอดให้กับความเป็นเพื่อนของเราทีซิยุพราช ว่าฉันต้องทำยังไงเราถึงจะกลับมาเป็นเพื่อนกันได้อีก”
“แกอย่ามาทำเป็นโง่ แกน่าจะรู้คำตอบดีอยู่แล้วว่าต้องทำยังไง”
“ฉันยอมโง่สักครั้งก็ได้ ให้แกบอกมาว่าฉันต้องทำยังไง”
“ก็ไปให้พ้นจากชีวิตเจ้าจ้อยซะ ทิ้งพวกเราชาวจายไว้ให้มีชีวิตอยู่ด้วยกัน”
“ให้ฉันทิ้งไป แล้วปล่อยให้เจ้าจ้อยเสียใจไปตลอดชีวิตอย่างนั้นหรือ นี่หรือความรักของแก ยอมเห็นคนที่แกรักไม่มีความสุข จมทุกข์อยู่กับความผิดหวัง”
“คิดว่าเจ้าจ้อยจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้ถ้าขาดแกงั้นหรือ แกสำคัญตัวผิดมากไปแล้วพสุ เมื่อไหร่ที่แกไปฉันจะดูแลเจ้าจ้อยเอง อีกไม่นานเจ้าจ้อยก็จะลืมแกได้อย่างสนิท เหมือนไม่เคยเจอแกมาก่อนเลยในชาตินี้”
ช่วงเวลานี้เองอันโตนปลุกวิญญาณร้ายส่งมาฆ่าพสุ วิญญาณร้ายไม่ได้ปรากฏร่างแต่เข้าสิงยุพราชที่กำลังตวาดลั่นด้วยโทสะโมหะ เหตุนี้เองทำให้ยุพราชที่บาดเจ็บกลับมีพละกำลังมากขึ้นกว่าปกติ ตรงเข้าบีบคอพสุท่ามกลางเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของทุกคนที่วิ่งกรูมาเห็น
เจ้าจ้อยกับอ่อนคำพยายามขอร้องทั้งคู่ให้หยุดทะเลาะหยุดทำร้ายกัน
“ผมไม่ได้อยากจะทะเลาะด้วยนะครับ ผมพยายามห้ามเขา แต่เขาไม่หยุด นี่ยุพราช...แกหยุดได้มั้ย”
ยุพราชบ้าคลั่ง ไม่พูดพร่ำตามทำร้ายพสุอย่างเดียว ถึงกับถีบพสุจนผงะออกไป แล้วยังคว้าไม้เหมาะมือฟาดซ้ำ จนพสุต้องหลบหลีกไปมาอย่างพัลวัน
“ไหนว่าแกบาดเจ็บหนัก ทำไมแรงเยอะขนาดนี้วะ”
เจ้าอุ่นคำกับเจ้าขุนแสงเรืองเดินเข้ามาดูอย่างตื่นเต้น ภาวนาให้ยุพราชฆ่าพสุให้ได้ แต่พอเห็นเจ้าจ้อยโยนไม้ให้พสุต่อสู้ สองแม่ลูกก็ขัดใจเป็นบ้า แอบด่าเจ้าจ้อยแส่ไม่เข้าเรื่อง
ooooooo