ตอนที่ 10
มหาเทวีอาการไม่สู้ดี ทั้งร่างกายอ่อนเพลียกอปรกับเป็นห่วงเจ้าจ้อยมากทำให้ยิ่งวิงเวียนจนเจ้าหลวงต้องให้ลุมพูพาไปนอนพัก แต่เพราะความกังวลทำให้มหาเทวีข่มตาหลับไม่ลง
ลุมพูเชื่อว่าที่เจ้าจ้อยโดนจับตัวไปอีกนั้นเป็นวิบากกรรม ตราบใดที่นายพลอังกูยังครองอำนาจ วิบากกรรม ของเจ้าหญิงเมืองจายก็ยังไม่จบ นึกย้อนไปถึงคำทำนายที่โหรเมืองเคยทำนายเอาไว้เมื่อเจ้าจ้อยแรกเกิดว่า
หากชายใดได้เจ้าจ้อยไปครองคู่จะสมปรารถนาทุกอย่าง นายพลอังกูคงล่วงรู้คำทำนายนี้ถึงอยากได้ตัวเจ้าจ้อยไว้ในกำมือ เพื่อให้การครองอำนาจเหนือแผ่นดินคีรีหลวงของมันสำเร็จลุล่วง
จ่อแตฟังลุมพูพูดมาแล้วพูดโพล่งว่า “แต่คนชั่วอย่างมันไม่คู่ควรกับเจ้าจ้อยเลยนะเจ้าค่า เจ้าจ้อยสูงส่งมีบุญบารมี เฮาเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องคุ้มครองเจ้าจ้อยไม่ให้ตกไปอยู่ในมือคนชั่วได้หรอก หรือไม่ก็ฟ้าเบื้องบนอาจจะส่งอัศวินมาช่วย”
มหาเทวีรับฟังทั้งหมดก็ได้แต่ภาวนาให้หมวดพสุคืออัศวินคนนั้นที่ถูกส่งมาพิทักษ์เจ้าจ้อย ลุมพูเห็นด้วยทันที
“จริงด้วยเจ้าค่า ไม่แน่นะเจ้าค่า อาจจะใช่ เพราะหมวดพสุก็เคยช่วยเจ้าจ้อยหนีออกจากหอคำมาแล้วครั้งนึง ครั้งนี้เกิดเหตุอีก หมวดพสุก็ตามไปช่วยอีก”
“งั้นไม่ต้องสงสัยเลยเจ้าค่า หมวดพสุคืออัศวินที่ฟ้าส่งมาช่วยเจ้าจ้อยแน่นอน” จ่อแตฟันธงเสียงใส
เวลาเดียวกันนั้นเอง อัศวินคนเก่งกำลังประคองเจ้าจ้อยบุกป่าฝ่าดงไม่หยุดหย่อน ด้วยกลัวพวกซาอูจะตามมาอีก เจ้าจ้อยซาบซึ้งในความห่วงใยของพสุมาก เพราะทราบดีว่าเขาเองก็เจ็บปวดร่างกายไม่น้อยตอนรถตกถนนลงข้างทาง จึงภาวนาขอให้เจอบ้านใครสักคนเพื่อที่เขาจะได้หยุดพักเนื่องจากตอนนี้ก็เย็นย่ำใกล้ค่ำเข้ามาทุกที
ส่วนที่คุ้มจันทรา ทุกคนเพิ่งรู้ว่าอ่อนคำหายตัวไปอีกคน อกานซิงห์เรียกป่อจากับแม่ครัวมาเล่ารายละเอียดขณะออกไปจ่ายตลาด หลังจากได้ฟังเจ้าหลวงอดคิดไม่ได้ว่าอาจเป็นฝีมือพวกทหารซาอู แต่เผ่าเทพตั้งข้อสังเกตว่าทำไมมันถึงเลือกจับแต่อ่อนคำ ทั้งที่ไปด้วยกันสามคน อ่อนคำอาจจะแค่หลงทางหรือเพลิดเพลินกับการจับจ่ายซื้อของในตลาดจนลืมเวลา เดี๋ยวตนจะติดต่อตำรวจในพื้นที่ให้ออกตามหาเบาะแส
เมื่อมหาเทวีกับลุมพูรู้จากจ่อแตว่าอ่อนคำหายไปจากคุ้มก็ตกใจ มหาเทวีบอกว่าตอนนี้ชีวิตของพวกเราไม่มีความปลอดภัยอีกแล้ว พวกทหารซาอูคงจับตาดูอยู่จนรู้ความเคลื่อนไหวของพวกเราทุกอย่าง เราเหมือนตกอยู่ในอันตรายเพราะพวกมันอยู่ในที่มืด เราอยู่ในที่แจ้ง