ตอนที่ 15
มีเสียงเคาะประตูบ้านดังขึ้น นายหัววรงค์หันมองศิถีสงสัยว่าใครมา เธอไม่ตอบได้แต่ยิ้มให้ก่อนเดินไปเปิดประตูให้ทัศน์เทพเข้ามา เขาเห็นคนทรยศก็โกรธทำท่าจะเอาเรื่อง ศิถีขอร้องอย่าเพิ่งโมโห
“ตอนนี้ไอ้ทัศน์เทพก็เหมือนหมาจนตรอก มีมันมาช่วยอีกแรงเรื่องทุกอย่างจะได้ง่ายขึ้น”
“ผมขอโทษนายหัวกับเรื่องที่ผ่านมา ให้โอกาสผมอีกครั้งนะครับ ชีวิตผมต้องพังเพราะพวกมัน ผมไม่ยอมพังคนเดียวแน่”
ศิถีอยากรู้แล้วที่ให้ไปจัดการกับมรุตเป็นอย่างไรบ้าง ทัศน์เทพรายงานว่ามันรอดไปได้ แต่ไม่ต้องเป็นห่วง คืนนี้มันไม่มีทางไปช่วยเดือนพัตราได้แน่นอน...
ด้านแก้วเพชรพยายามกล่อมวโรชาให้ปล่อยตัวเองไป สิ่งที่พ่อของลูกทำไม่ได้มีแค่นี้ ยังมีเรื่องเลวร้ายอีกมากมายที่ลูกยังไม่รู้ อย่าเอาตัวเองไปพัวพันด้วยเลย ตนไม่อยากให้ชีวิตลูกต้องพังเพราะพ่อของลูกเอง ความแค้นที่มีต่อเดือนพัตราทำให้วโรชาปิดหูปิดตาตัวเองไม่สนใจเรื่องอื่นขอเพียงได้แก้แค้นมันเป็นพอ แล้ววางถาดใส่อาหารลงบนโต๊ะ เดินออกจากห้องล็อกประตูตามหลัง แล้วหยิบมือถือขึ้นมาโทร.หาศิถี
“ฉันพร้อมแล้ว จะให้ทำอะไรก็ว่ามา”
ooooooo
เสร็จธุระมรุตขับรถมาส่งเดือนพัตราที่บ้าน เธอยังจิตตกไม่หายที่ทุกคนใกล้ตัวเธอต้องมาเป็นอันตรายกันหมด เขาปลอบว่าถ้าเรื่องวันนี้เป็นฝีมือทัศน์เทพจริง ก็คงไม่เกี่ยวกับเธอ ทัศน์เทพคงอยากแก้แค้นเขามากกว่า เดือนพัตราถอนใจเครียด
“เมื่อไหร่จะจบเรื่องยุ่งๆพวกนี้สักที”
มรุตสงสารเดือนพัตราจับใจ จับมือเธอมากุมไว้อย่างเป็นกำลังใจให้ สองคนมองสบตากัน เดือนพัตรารู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองมาจากห้องนอนตัวเอง เงยหน้ามองแต่ไม่เห็นใคร เธอมั่นใจว่าต้องเป็นเหมหิรัญญ์
ตอนที่มรุตลากลับ เธอเขย่งปลายเท้าหอมแก้มเขา มรุตถึงกับหน้าเหลอหลา
“บายค่ะ” เดือนพัตราทำไม่รู้ไม่ชี้ มรุตกลับขึ้นรถขับออกไปอย่างงงๆ มีเสียงปิดหน้าต่างดังปัง เธอหันขวับไปมองแต่ไม่เจอใคร “ฉันรู้ว่าคุณดูฉันอยู่เหม”...
ครู่ต่อมาเหมหิรัญญ์กลับอุตรกุรุทวีปด้วยใบหน้าหมองเศร้า ราเมศที่ดักรออยู่ตำหนิเขาที่กลับไปชมพูทวีป
“ครั้งนี้ท่านอัศวเทวาไม่ลงโทษท่านเพราะเห็นว่าท่านตระหนักแล้วว่าที่ผ่านมาจะเป็นบทเรียนที่หนักหนาสำหรับท่าน”
“เราแค่อยากแน่ใจว่าผู้หญิงอันเป็นที่รักของเรามีความสุขและมีผู้ดูแลที่สามารถปกป้องเธอได้ ท่านไม่ต้องกังวลหรอกราเมศ วันนี้เรามั่นใจแล้วว่าเธอมีความสุขเราจะไม่กลับไปที่นั่นอีก” พูดจบเหมหิรัญญ์ผละจากไป...