ตอนที่ 15
ระหว่างขับรถมาตามถนน มรุตเห็นสีหน้าไม่สู้ดีนักของเดือนพัตรา ร้องทักว่าตอนเดินมาขึ้นรถ เขาเห็นเธอยิ้มแย้มสดชื่น แต่พอมานั่งในรถเขาปั๊บหน้าหมองทันที นี่เขาทำอะไรให้ไม่สบายใจหรือเปล่า เธอแค่ไม่รู้ว่าต้องทำแบบนี้ไปอีกถึงเมื่อไหร่ เขาเดาออกว่าเธอกลัวเหมหิรัญญ์จะเห็นเธอเศร้าและรู้ความรู้สึกจริงๆของเธอใช่ไหม
“ค่ะ ขอโทษนะคะคุณมรุตที่ต้องขอทำแบบนี้ไปอีกสักระยะ ฉันอยากแน่ใจว่าเหมจะไม่กลับมาอีก”
“ครับ แต่สำหรับผมอยากให้คุณเดือนคนเดิมกลับมานะครับ คนที่ยิ้มง่ายสดใสร่าเริง”
ทันใดนั้นมีเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด มรุตตกใจหักพวงมาลัยหลบรถเสียหลักไถลลงข้างทาง มีรถคันหนึ่งแล่นตรงเข้าหา ชายชุดดำสวมหมวกไอ้โม่งซึ่งเป็นคนขับเล็งปืนใส่ มรุตผลักเดือนพัตราหลบแล้วชักปืนขึ้นมายิงตอบโต้ ทัศน์เทพในคราบชายชุดดำเห็นท่าไม่ดีขับรถหนี มรุตร้องถามเดือนพัตราที่ก้มหลบอยู่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
“ไม่เป็นไรค่ะ” เดือนพัตราหน้าตาตื่นตกใจแทบช็อก...
ขณะที่เดือนพัตรากับมรุตรอดคมกระสุนมาได้หวุดหวิด ศิถีจับได้ว่าจ่าสนิทลอบตามมาใกล้บ้านเก่าของตัวเอง แอบตลบหลังเอาไม้ฟาดท้ายทอยสลบเหมือด จากนั้นเธอรีบเข้าไปรายงานนายหัววรงค์ว่าตำรวจตามสืบเรื่องของเธอและต้องรู้อะไรมาแน่ๆถึงได้ตามเธอมาถึงที่นี่ แต่ไม่ต้องห่วงเธอจัดการมันเรียบร้อยแล้ว
“ไม่มีอะไรมาขวางทางเราได้ คืนนี้ค่ะนายหัวทุกอย่างจะจบ” ศิถีสีหน้ามุ่งมั่น...
หลังจากรอดตายมาได้ มรุตพาเดือนพัตราไปโรงพักเพื่อเอาหัวกระสุนปืนของคนร้ายที่เก็บได้จากที่เกิดเหตุมาส่งไปตรวจพิสูจน์เผื่อได้เบาะแสอะไรบ้าง
จ่าเวรเข้ามารายงานเรื่องที่ทัศน์เทพหายตัวไประหว่างนำตัวไปสอบสวนที่กองปราบฯ มรุตลองปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆเข้าด้วยกัน หรือว่าเหตุลอบยิงเมื่อเช้าเป็นฝีมือทัศน์เทพที่ต้องการล้างแค้นตัวเอง...
เมื่อเตรียมทุกอย่างเสร็จ ศิถีประคองนายหัววรงค์ลงนั่งบนเก้าอี้เข็นไฟฟ้า เขาขอบใจเธอมากที่ไม่ทิ้งกัน วันนี้จะเป็นวันที่เขากลับไปเดินได้เหมือนเดิมอีกครั้งและเป็นวันที่เขาจะได้ไปในโลกที่เขาอยากไปมาตลอด จากนั้นเราสองคนจะกลับมาอยู่ด้วยกัน ศิถีจับมือเขามาแนบแก้มตัวเอง
“ศิถีรอวันนี้มานานเหลือเกิน...แล้วถ้านังเดือนมันไม่บอกเรื่องผ้าที่เป็นกุญแจล่ะคะ”
“ทรมานมันจนกว่ามันจะบอก ถ้ามันยังไม่ยอมบอกอีก ไม่มีไอ้เหมคอยปกป้องมันสักคน มันจะทำอะไรได้”