ตอนที่ 9
หลังจากเจ้าจ้อยกลับไปแล้ว อ่อนคำนำอาหารเข้ามาในห้องยุพราช เห็นเขายังนอนก็ร้องเรียกเพื่อจะให้กินอาหารแล้วจะได้กินยาแก้อักเสบ แต่ไม่มีเสียงตอบจึงเดินเข้ามาแตะตัวเขา แล้วต้องสะดุ้งเพราะเขาตัวร้อนมาก
“ไข้ขึ้นสูงมาก เดี๋ยวเฮามานะ” อ่อนคำหายไปครู่เดียวก็กลับเข้ามาพร้อมอ่างน้ำและผ้านุ่มๆ เธอเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้ยุพราชอย่างเอาใจใส่ “เจ้าต้องหายดี เฮาจะไม่ยอมให้เจ้าเป็นอะไรไปเด็ดขาด”
ยุพราชสะลึมสะลือ ค่อยๆลืมตาเห็นเป็นเจ้าจ้อยจึงดึงตัวเข้ามากอดพร้อมพร่ำรำพัน
“เจ้ายกโทษให้ข้าเฮาแล้วใช่ไหมเจ้าค่า ข้าเฮาดีใจเหลือเกินที่เจ้าจ้อยไม่โกรธข้าเฮาแล้ว ข้าเฮาทำทุกอย่างก็เพราะรักเจ้าจ้อยมาก ข้าเฮายอมแลกทุกอย่างเพื่อให้ข้าเฮาได้อยู่กับเจ้าจ้อย ถ้าเป็นความประสงค์ของเจ้าจ้อย ข้าเฮาก็ยินดี ข้าเฮาจะรีบรักษาตัวให้หายเพื่อจะได้มาปกป้องเจ้าจ้อย ยอดดวงใจของข้าเฮา”
อ่อนคำอึ้งจนลืมขัดขืน เสียใจและเศร้ามากที่ต้องมาฟังชายที่ตัวรักสารภาพรักกับหญิงอื่น
ขณะนั้นเจ้าจ้อยกำลังเดินกลับเรือนตัวเอง จู่ๆเจ้าขุนแสงเรืองก้าวมาดักหน้า ทั้งน้ำเสียงและท่าทางเขาคล้ายคนยังไม่สร่างเมา ทำให้เจ้าจ้อยหวาดกลัวเตรียมถอยหนี
เจ้าขุนแสงเรืองอ้างตัวเป็นคู่หมั้น ทำไมจะเข้าใกล้เธอไม่ได้ ว่าแล้วก็รุกไล่คว้าแขนเจ้าจ้อยไว้
“ช่วยด้วย ใครอยู่แถวนี้มาช่วยเฮาที”
“ทีกับพี่ทำเป็นร้องขอความช่วยเหลือ แต่ทีกับไอ้ทหารไทยนั่นยอมให้มันปีนเข้าหาถึงห้องนอนตอนกลางคืน บอกพี่มา น้องมีอะไรกับมันไปแล้วใช่ไหม”
“เฮาไม่จำเป็นต้องบอกเจ้าพี่ ปล่อยเฮา”
“น้องยอมรับแล้วใช่มั้ย เป็นถึงเจ้าหญิงเมืองจาย ทำไมถึงได้ลดตัวไปเกลือกกลั้วกับผู้ชายชั้นต่ำ พี่สู้มันไม่ได้ตรงไหน”
“ถึงพสุจะเป็นแค่คนธรรมดา แต่เจ้าพี่ก็ไม่มีอะไรสู้เขาได้เลยแม้แต่นิดเดียว”
เจ้าขุนแสงเรืองโกรธจัดกระชากเจ้าจ้อยมากอดโดยไม่สนใจว่าเธอจะทุบตีสักแค่ไหน ลุมพูกับจ่อแตวิ่งมาเห็นตกใจแทบทำอะไรไม่ถูก พอเข้าไปห้ามก็โดนเจ้าขุนแสงเรืองผลักกระเด็นไปทั้งคู่
พสุมาทันเวลากระชากเจ้าขุนแสงเรืองออกจากเจ้าจ้อยที่อ่อนแรงเต็มที แล้วพสุก็ตั้งท่าจะฟาดปากเจ้าขุนแสงเรืองที่ยังปากดีพูดจาหยามเกียรติเจ้าจ้อยไม่หยุด
เสียงเอะอะลั่นคุ้มทำให้ผู้คนต่างวิ่งออกมาดู
เจ้าขุนแสงเรืองกับพสุต่อสู้กันครู่หนึ่งก็มีอันต้องยุติ
เพราะคณะของเจ้าหลวงกลับมาถึง เจ้าอุ่นคำปรี่ไปประคอง ลูกชายแล้วด่าพสุอย่างหยาบคาย