ตอนที่ 9
“ก็เจ้าบาดเจ็บอยู่ ในสถานการณ์ที่ทหารซาอูมันส่งคนเข้ามาจะลอบทำร้ายเจ้าจ้อยต้องมีคนคอยดูแลคุ้มกันอย่างใกล้ชิด”
“แต่ทหารองครักษ์คนอื่นก็มีอีกตั้งหลายคน ทำไมต้องเลือกไอ้พสุมาทำหน้าที่แทนเฮา รู้ทั้งรู้ว่าเฮากับมันเพิ่งแตกหักกันมา เจ้าหลวงทำอย่างนี้เหมือนไล่เฮาทางอ้อม”
อกานซิงห์ก้าวเข้ามาได้ยิน ค้านคำพูดลูกชายทันที “ไม่มีใครไล่ลูกทั้งนั้นยุพราช เจ้าอย่าใช้อารมณ์โกรธตัดสินความคิดของเจ้าหลวงไปในแง่ร้าย”
“จะไม่ให้เฮาคิดได้ยังไงล่ะพ่อ เฮานอนบาดเจ็บอยู่ในคุ้มแท้ๆ เจ้าหลวงกับมหาเทวีไม่ได้สนใจมาดูดำดูดีเฮาเลย ทำเหมือนเฮาไม่มีตัวตน แต่กลับเปิดประตูต้อนรับพสุซึ่งเป็นคนอื่นเข้ามาอยู่ในคุ้ม”
“เจ้ายังกล้ามาเรียกร้องให้เจ้าหลวง มหาเทวีมาเห็นใจเจ้าอีกหรือยุพราช เรื่องที่เจ้าทำเอาไว้ สร้างเรื่องโกหกบิดเบือนความจริง เจ้าหลวงไม่ลงโทษเจ้าก็เป็นบุญแค่ไหนแล้ว”
ยุพราชเถียงไม่ออก ได้แต่กล้ำกลืนความเสียใจในสิ่งที่ทำพลาดลงไป อ่อนคำจับตามองเขาด้วยความสงสาร
ขณะนั้นพสุเข้ามานั่งรอในมุมรับแขก ไม่นานนักมหาเทวีกับเจ้าจ้อยลงมาพบ มหาเทวีเพิ่งเห็นเขาชัดๆ เป็นครั้งแรก รู้สึกว่าหน่วยก้านดี หน้าตาดีมีเสน่ห์ เข้าใจทันทีว่าทำไมเจ้าจ้อยถึงตกหลุมรัก
“ทำไมเจ้าแม่มองลูกอย่างนั้น” เจ้าจ้อยกระซิบถาม
“แม่ไม่แปลกใจน่ะสิว่าทำไมนายทหารไทยคนนี้ถึงได้ครอบครองหัวใจลูก”
“แค่มองแต่ภายนอก เจ้าแม่ก็รู้แล้วหรือเจ้าค่า”
“เอ๊ะ หรือแม่จะมองผิดไป”
“ไม่ผิดหรอกเจ้าค่า เดี๋ยวเจ้าแม่ได้สนทนากับเขา เจ้าแม่ก็จะยิ่งเข้าใจลูก” เจ้าจ้อยยิ้มเขินเกาะแขนมหาเทวีเดินเข้าไปใกล้แล้วแนะนำ “นี่เจ้าแม่ของเฮา”
พสุลุกขึ้นยืนก้มศีรษะทำความเคารพ “ทรงพระพลานามัยเจ้าค่ามหาเทวี”
มหาเทวียิ้มพอใจที่พสุพูดภาษาคนเมืองจาย แล้วเชิญเขานั่งลงก่อนจะซักถาม “เป็นลูกเต้าเหล่าใครหรือ ขอโทษนะที่เฮาต้องถาม”
“ผมเข้าใจครับ ผมก็ไม่มีอะไรต้องปิดบัง คุณพ่อผมเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ส่วนคุณแม่ก็เป็นคุณหญิงแม่บ้าน”
“อ้อ...เฮาจำได้แล้ว เจ้าหลวงเคยเจอกับคุณหญิงแม่ของคุณที่ปางไม้ คุณหญิงแม่ของคุณยังต่อว่าเจ้าหลวงเสียยกใหญ่ที่พวกเราไม่มีน้ำใจไปเยี่ยมคุณที่โรงพยาบาล”
“ต้นเหตุก็มาจากเรื่องที่เข้าใจผิดกัน คุณแม่ผมไม่ได้ตั้งใจหรอกครับ ปกติคุณแม่ท่านเป็นคนอารมณ์ดี”
“นั่นสิเจ้าค่า ตอนนี้เรารู้ความจริงกันแล้วว่าหมวดพสุไม่ได้ทิ้งเฮาเพื่อหนีเอาตัวรอดอย่างที่ถูกกล่าวหา เจ้าแม่ยังติดใจอีกหรือเจ้าค่า”