ตอนที่ 6
วราพรหนักใจเรื่องพสุรักเจ้าจ้อยถึงขนาดต้องรีบโทร.ไปหาบัวผู้หญิงที่หมายปองเอาไว้ บอกให้เธอรู้ว่าพสุถูกยิงบาดเจ็บอยู่โรงพยาบาลหลังจากไปปฏิบัติภารกิจที่ชายแดนมา
บัวตกใจและซักถามอาการก่อนจะรับปากว่าจะขึ้นเหนือไปเยี่ยมเพื่อให้กำลังใจพสุ วราพรยิ้มหน้าบาน แต่ดนูที่นั่งฟังอยู่ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เปรยกับภรรยาว่าพสุคงรักเจ้าจ้อยจริง เพราะตั้งแต่เลี้ยงลูกมาจนโตเป็นหนุ่มนี่เป็นครั้งแรกที่ลูกพูดโต้งๆว่ารักผู้หญิง
“ฉันถึงต้องรีบเรียกตัวหนูบัวมานี่ไงคะ”
“คุณหญิงคิดเหรอว่าลูกจะยอมคบหาดูใจกับหนูบัว ก็ในเมื่อลูกรักเจ้าหญิงคนนั้นอยู่”
“แต่เจ้าหญิงคนนั้นมีคู่หมั้นคู่หมายไปแล้ว และฉันก็เชื่อว่าคู่หมั้นก็คงไม่ใช่คนธรรมดาๆ คงจะมีเชื้อเจ้าเหมือนกัน แล้วลูกเราเป็นใคร ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าหลวงมหาเทวีอะไรนั่นจะยอมให้ลูกสาวของตัวเองมาแต่งงานกับคนที่ไม่มีเชื้อมีสายเจ้าอย่างลูกเรา”
“ถึงจะไม่มีเชื้อสายเจ้า แต่ครอบครัวเราก็มีศักดิ์ศรี มีเกียรตินะคุณ ลูกชายเราก็เก่งมีความสามารถไม่อย่างนั้นคงไม่ได้รับมอบหมายภารกิจให้ไปช่วยเหลือครอบครัวของเจ้าหญิงออกมาจากคีรีหลวงหรอก”
“ก็เพราะเรื่องช่วยหนีตายออกมานอกประเทศนี่แหละ ฉันถึงไม่อยากให้ลูกไปยุ่งกับเจ้าหญิงองค์นั้นอีก อย่าลืมนะคุณ เจ้าหญิงกับครอบครัวอยู่ในฐานะผู้ลี้ภัย ไม่รู้ว่าถูกฝ่ายตรงข้ามมุ่งหมายจะเอาชีวิตมากแค่ไหน ขืนลูกไปเกี่ยวข้องใกล้ชิด อาจตกเป็นเป้า ถูกปองร้ายเอาชีวิตไปด้วย”
“ที่คุณพูดก็มีเหตุผล”
“ตอนนี้ฉันเหลือลูกชายเพียงคนเดียวเท่านั้น ฉันไม่อยากเสียลูกไปอีก”
วราพรพยายามกล้ำกลืนน้ำตาเมื่อนึกถึงความหลังที่ต้องเสียลูกชายไปคนหนึ่ง ดนูเข้ามาโอบไหล่ปลอบเธอ
“ผมเข้าใจคุณ เรื่องหนูบัว ผมไม่ห้ามคุณหรอก อะไรที่คุณทำ ผมเชื่อว่าคุณได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกเราแล้ว”
“ขอบคุณค่ะ ฉันหวังว่าความสวยเก่งฉลาดของหนูบัวจะสามารถพิชิตใจลูกเราได้จนเลือกหนูบัวแทนเจ้าจ้อยคนนั้น”
วราพรมุ่งมั่นตั้งใจมากอยากได้บัวเป็นลูกสะใภ้ แต่เมื่อเธอกลับเข้ามาพูดคุยกับพสุเชิงสั่งห้ามให้เลิกรักเจ้าจ้อย พสุกลับดึงดันไม่ยอมแถมยังทำท่าจะไปหาเจ้าจ้อย สองแม่ลูกเลยมีปากเสียงกัน จนดนูต้องห้ามทัพก่อนจะเตือนลูกชายให้สงบใจรอให้หายดี รอให้หมออนุญาตกลับบ้านก่อนแล้วค่อยไป
ooooooo