ตอนที่ 6
“อย่าไปโทษแม่บ้านลุมพูเลยเจ้าค่า เป็นความผิดของหลานเอง หลานต้องกราบขอโทษเจ้าป้าด้วยจริงๆ ที่บอกเจ้าแม่ว่าอยากพักผ่อน เจ้าแม่ก็เลยสั่งห้ามใครเข้าเยี่ยม ขอโทษนะเจ้าค่าเจ้าพี่ขุน”
“เจ้าพี่ไม่ถือโทษเจ้าน้องหรอก เจ้าพี่มีแต่เป็นห่วง อยากจะกอดรับขวัญ ขวัญเอ๊ยกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวนะ”
เจ้าขุนแสงเรืองกางแขนเข้าไปจะกอด แต่เจ้าจ้อยระวังตัวอยู่แล้วรีบบอกว่าตนหายตกใจแล้ว ไม่เป็นอะไร เหลือแค่เป็นหวัดนิดหน่อย พูดจบก็แกล้งจามจนเจ้าขุนแสงเรืองหยุดกึกไม่กล้าเข้าใกล้
เจ้าอุ่นคำเปลี่ยนสีหน้าท่าทีเป็นเอาอกเอาใจเจ้าจ้อย จะเอาชาสมุนไพรรางจืดที่ต้มเองให้ดื่ม แจกแจงสรรพคุณว่า ชารางจืดล้างพิษได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะโดนยาเบื่อ ยาสั่ง พิษงู แมงป่อง ตะขาบหรือแม้แต่เห็ดพิษ หลานไปรอนแรมในป่าหลายวัน อาจโดนพิษอะไรมา ชานี้ช่วยล้างพิษในตัวได้หมดเกลี้ยง
โดนคะยั้นคะยอเสียขนาดนั้น เจ้าจ้อยจำต้องรับถ้วยชามา แต่พอปากแตะถ้วยก็ทำเป็นร้อน ขอรอให้เย็นก่อนรับรองว่าจะดื่มให้หมดเลย
อ่อนคำโล่งอกที่เจ้าจ้อยหาทางเลี่ยงได้ สองแม่ลูกเหลือบมองกันอย่างพอใจ ก่อนที่เจ้าขุนแสงเรืองจะซักถามอย่างห่วงหาอาทรเจ้าจ้อยว่า หนีอยู่ในป่าหลายวันคงจะลำบากแย่
“เจ้าค่า ลำบากมาก จนบางครั้งคิดว่าจะเอาชีวิตไม่รอด”
“มันต้องโทษไอ้ทหารห่วยคนนั้นที่หน่วยข่าวกรองส่งไปช่วย นี่ถ้ายุพราชไม่ตามกลับไปช่วยอีกครั้ง เจ้าป้าว่าหลานต้องถูกพวกทหารซาอูจับตัวได้แน่ ไม่มีทางรอดออกมาได้หรอก”
เจ้าจ้อยนิ่งอึ้ง นึกหวนไปถึงพสุอีกครั้ง...ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ยังไม่รู้ข่าวคราวของเขาเลย
เจ้าขุนแสงเรืองไม่สนใจเรื่องอื่น นอกจากพูดแต่เรื่องแต่งงาน เจ้าจ้อยเบื่อหน่ายจึงหาทางเลี่ยงด้วยการพูดถึงบ้านเมืองที่โดนยึดอำนาจอย่างทุกข์ใจ แล้วตัดบทว่าเธอเหนื่อยมากอยากพักผ่อน สองแม่ลูกเลยยังไม่กล้าเซ้าซี้อีก
ooooooo
ขณะนั้นพสุกำลังนอนเพ้อเรียกชื่อเจ้าจ้อยอยู่ในห้องผู้ป่วยหนัก หลังจากผ่าตัดเขาเพิ่งรู้สึกตัว โดยมีพันตำรวจเอกดนูกับคุณหญิงวราพร พ่อแม่ของเขาและเผ่าเทพเพื่อนรักนั่งเฝ้าอยู่
“พสุลูกแม่...ฟื้นแล้วเหรอลูก”
“เป็นไงไอ้เสือ...เก่งมากลูก ยังไงแกก็รอด ไม่มีอะไรทำแกได้หรอก”
พสุเรียกสติตัวเองกลับมา พูดอย่างเบลอๆ “ตกลงผมรอดใช่ไหมครับ”
เผ่าเทพโผล่หน้าเข้ามาอีกคน “รอดสิวะ แกแค่โดนยิงสามแห่งเท่านั้นเอง นอนหลับแป๊บเดียวก็ฟื้นแล้วนี่ไง”
“ถูกยิงแค่สามแห่ง เรื่องเล็กมาก โอ๊ะ!” พสุขยับตัวแล้วต้องขบกรามรู้สึกปวดร้าวไปที่แผล