ตอนที่ 6
“ใช่เจ้าค่า เรื่องนั้นลูกไม่ปฏิเสธ แต่เมื่อหนีมาถึงชายแดน เขากลับทิ้งลูกไว้ตามลำพัง แล้วหนีเอาตัวรอดไปคนเดียว ลูกไม่รู้ว่าเขาทิ้งไปแล้ว ลูกก็ได้แต่รอตรงนั้น รอเขาอยู่ที่เดิม จนกระทั่งนายพลอังกูมันหาลูกจนเจอ ลูกต้องเผชิญหน้ากับมัน มันช่างน่ากลัว ดวงตามันกระหายเลือด แม้แต่กระสุนปืนยังทำอะไรมันไม่ได้ เหมือนมันไม่ใช่มนุษย์ ลูกวิ่งหนีมันสุดชีวิต โชคดีที่ยุพราชตามมาช่วยทัน พาลูกหนีตายข้ามชายแดนมาได้ ถ้าไม่ได้ยุพราชลูกคงถูกจับตัวไปแล้ว ไม่ได้เห็นหน้าเจ้าพ่อเจ้าแม่อีก”
“โธ่...ลูกแม่ วินาทีนั้นลูกคงหวาดกลัวแทบขาดสติ” มหาเทวีกอดปลอบลูก ขณะที่เจ้าหลวงขอบใจยุพราชที่ตามไปช่วยเจ้าจ้อยไว้ทัน ยุพราชก้มหัวรับคำขอบคุณ แต่แอบซ่อนแววตาโกหกไว้
“ถ้าหมวดพสุคนนั้นทำอย่างที่เจ้าจ้อยเล่า เฮาก็ยอมรับไม่ได้ ที่ทหารกล้าจะทิ้งหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเอง ทิ้งชีวิตของคนที่ต้องปกป้องดูแล เพื่อหนีเอาชีวิตรอดคนเดียว เอาล่ะ ต่อจากนี้เราก็อย่าไปพูดถึงนายทหารคนนี้ให้เจ้าจ้อยได้ยินอีก และคงไม่ได้เจอะเจอกันอีก”
ยุพราชกับอ่อนคำขานรับพร้อมเพรียง ยุพราชก้มหน้าแอบยิ้มสาสมใจ แต่อ่อนคำยังคงมีสีหน้าไม่เชื่อว่าพสุจะเป็นแบบนั้น...
ด้านเผ่าเทพที่มาคุ้มจันทราแล้วไม่เจอเจ้าจ้อย เขากลับไปบอกพสุที่โรงพยาบาลว่าเจ้าจ้อยกำลังจะแต่งงานกับคู่หมั้น พสุไม่เชื่อและยืนยันว่าเขากับเจ้าจ้อยรักกันมาก แต่เผ่าเทพก็ว่าถ้ารักแล้วทำไมไม่มาเยี่ยม ทั้งที่ยุพราชรู้ว่าพสุบาดเจ็บ ยังไงเขาก็ต้องบอกเจ้าจ้อย พสุเถียงไม่ออก หลับตาลงอย่างปวดร้าว บอกเพื่อนว่ารู้สึกเจ็บที่หัวใจ ตนขออยู่คนเดียว...
ooooooo
หลายวันถัดมา เจ้าจ้อยชวนอ่อนคำไปเที่ยวตลาดย่านท่องเที่ยว โดยมียุพราชตามมาอารักขา ที่นี่เอง เจ้าจ้อยไม่คิดว่าจะได้เจอพสุ...เขามากับบัวที่อยากมาเลือกของสวยงามไปตกแต่งร้านอาหารที่กำลังจะเปิด
แน่นอนว่ายุพราชไม่ยอมให้พสุมีโอกาสพูดคุยกับเจ้าจ้อยตามลำพัง แล้วยังพยายามเน้นย้ำเรื่องเจ้าจ้อยกับเจ้าขุนแสงเรืองต้องอภิเษกสมรสกัน ส่วนบัวที่มาด้วยพสุก็บอกตรงๆว่าเธอเป็นคนที่พ่อแม่ของเราต่างอยากให้แต่งงานกัน
คำพูดนั้นเหมือนพสุจะประชดเจ้าจ้อยกลายๆ แต่มันทำให้เจ้าจ้อยยิ่งแสดงท่าทีหมางเมินใส่เขา แต่กับบัวนั้นยังคงทักทายทำความรู้จักตามปกติ บัวชื่นชมเจ้าจ้อยงดงามตามคำร่ำลือและรู้สึกถูกชะตา ไม่ได้มีท่าทีอิจฉาแต่อย่างใด