ตอนที่ 13
ปานตะวันที่หมดสติถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล รพีพรกับปพลจะตามเข้าไปในห้องฉุกเฉินด้วยแต่พยาบาลห้ามไว้ ขอให้ญาตินั่งรอด้านหน้า
ปพลมองตามร่างปานตะวันด้วยความเป็นห่วง รพีพรหันมาเอาเรื่องเขา
“ถ้าลูกกับหลานฉันเป็นอะไรไป ฉันกับปานจะไม่ให้อภัยคุณเด็ดขาด”
“คิดว่าฉันอยากให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นเหรอ ฉันก็เสียใจเหมือนกัน แต่เรื่องทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นเพราะเธอ”
มีเสียงดังขึ้นจากด้านหลังให้ปพลหยุดก้าวร้าวเดี๋ยวนี้ เขาหันมองตามเสียงเห็นพ่อยืนจ้องเขม็งอยู่ เขาเสียงกร้าวว่าไม่หยุด ถ้าเมียของเขาไม่ใช่ลูกของรพีพรเรื่องของเขากับเธอคงไม่เป็นแบบนี้ ปราการตบเขาหน้าหันเพื่อเรียกสติ รพีพรไม่อยากให้สามีเครียดมากไปกว่านี้ขอเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง
“ผมจัดการเองดีกว่า หมาบ้าอย่างมันพูดดีๆ ไม่รู้เรื่องหรอก”
รพีพรเห็นปราการหายใจหอบถี่เกรงโรคหัวใจจะกำเริบพยายามทักท้วงแต่เขาบอกว่าไม่เป็นไรแล้วลากปพลออกไป รพีพรไม่กล้าทิ้งทางนี้ได้แต่มองตามสามีด้วยความเป็นห่วง...
หวังจะปรับความเข้าใจกับลูก แต่กลายเป็นมีปากเสียงกัน ปพลต่อว่าพ่ออุตลุดว่าไม่เคยรักเขาไม่เคยรักแม่ รักแต่รพีพร ตลอดชีวิตเขามีเพียงแม่เท่านั้นที่คอยห่วงใย คอยปลอบเวลาที่ไม่มีใคร ส่วนพ่อที่บอกว่ารักเขานักรักเขาหนาไม่เคยทำอะไรให้เขาเห็นสักนิดว่ารัก
ปราการรู้สึกไม่ดีแต่พยายามฝืนดึงลูกมากอดไว้แน่น ปพลสัมผัสได้ถึงความรักที่ท่านส่งมาให้ อยากจะกอดตอบแต่กลับยืนนิ่ง ปราการรอให้ลูกกอดตอบแต่ต้องรอเก้อ เสียใจที่ลูกไม่เคยรับรู้เลยว่าเขารักแกแค่ไหน
“พ่อรักลูกนะ” พูดได้แค่นั้นอาการของปราการกำเริบหนัก ทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น
“พ่อๆเป็นอะไร...พ่อ”
ปพลประคองพ่อไว้ในอ้อมกอด ปราการจับใบหน้าลูกแล้วยิ้ม
“พ่อดีใจได้อยู่กับลูกแบบนี้” ปราการค่อยๆ หลับตาลง ปพลตกใจมากตะโกนขอความช่วยเหลือลั่น...
ขณะที่อาการของปราการเข้าขั้นวิกฤติ ปนิตาเดินลงจากรถที่จอดไว้ในลานจอดรถของบริษัทอย่างอารมณ์ดี
ทันใดนั้นตั้มปราดมากระชากแขน ด่าซ้ำว่ายังมีความเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่าทำปานตะวันแบบนี้ทำไม เธอปฏิเสธอย่างหน้าไม่อายว่าไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย แล้วสะบัดตัวออกจากเขา แต่เขาบีบแขนเธอแรงขึ้น บอกว่ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นหมดแล้วไม่ต้องแก้ตัว เธอทำไก๋ไม่รู้ว่าเขาพูดเรื่องอะไร
“ท้องไม่ใช่เหรอ งั้นก็ไปตรวจกับผมจะได้รู้ไปเลยว่าที่คุณพูดไม่ได้ตอแหล”
“ฉันมีผลตรวจแล้ว ไม่จำเป็นต้องตรวจอีก”
“ผู้หญิงเหลี่ยมจัดอย่างคุณ ผมไม่โง่เชื่อง่ายๆหรอก”