ตอนที่ 13
นันทิตายังอาละวาดไม่เลิกเล่นงานปานตะวันกับรพีพรไม่ได้ก็หันไปเล่นงานลูกชายแทนที่รู้ทุกอย่างแต่ยังไปยอมพวกมันอีก เขาอ้างว่าแม่อยากให้เขาเลิกกับปานตะวันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ เธอยอมรับว่าใช่แต่ต้องไม่เป็นแบบนี้ ยืนกรานจะต้องทวงทุกอย่างคืนมาเป็นของเรา
“มันไม่มีอะไรเป็นของเราทั้งนั้นครับคุณแม่”
“นี่ลูกบ้าไปแล้วใช่ไหม” นันทิตาเขย่าตัวปพล อย่างคุมสติไม่อยู่ เขายืนยันตัวเองไม่ได้บ้าแต่สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเพราะเขา ที่ปานตะวันต้องเสียลูกไปก็เพราะเขา ที่พ่อต้องตายก็เพราะเขา ถ้าสิ่งที่เขาทำจะชดเชยความผิดทั้งหมดได้เขายอม นันทิตาเสียงกร้าวถึงเขาจะยอมแต่ท่านไม่ยอมเด็ดขาด
“คุณแม่เลิกคิดทำอะไรแย่ๆสักทีเถอะครับ ตอนนี้ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าคุณแม่รักผมหรือรักสมบัติบ้าพวกนั้นกันแน่”
“ทำไมลูกพูดแบบนี้”
“เพราะคุณแม่ทำให้ผมคิดแบบนั้น ผมเบื่อ เบื่อจนไม่อยากอยู่บนโลกนี้แล้ว” พูดจบปพลเดินหนีขึ้นบ้านไม่สนใจเสียงเรียกให้กลับมาคุยกันก่อนของแม่ ครู่ต่อมาปพลเข้ามาในห้องนอนเห็นห้องว่างเปล่าถึงกับน้ำตาคลอคิดถึงปานตะวันสุดๆ นึกถึงเรื่องร้ายๆที่ตัวเองทำกับเธอ
“ผมขอโทษ ปานผมขอโทษ” ปพลพึมพำทั้งน้ำตา หันไปเห็นกีตาร์ที่ซื้อให้ปานตะวันวางอยู่ หยิบมันขึ้นมากอดไว้แนบอก คิดถึงเจ้าของกีตาร์สุดหัวใจ
ooooooo
เช้าวันถัดมา นันทิตาถูกนิรุจเชิญตัวมาสอบปากคำที่โรงพักเรื่องที่เธอมีชื่อเป็นเจ้าของสำนักงานซึ่งใช้เป็นสถานที่พักยาเสพติด เธอปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
“แต่มีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดว่าคุณเคยไปที่นั่น” นิรุจว่าแล้วเปิดคลิปจากกล้องวงจรปิดให้ดู
“เอ่อ ใช่ฉันเคยไป แต่ฉันกับไอ้ทวีศักดิ์ก็แค่จะทำธุรกิจร่วมกัน ส่วนเรื่องยาเสพติดที่คุณพูดมาฉันไม่รู้เรื่อง”
“แต่จากการตรวจสอบบัญชีธนาคาร คุณเคยได้รับเช็คจากนายทวีศักดิ์เป็นเงินค่าอะไรครับ” นิรุจเอาสำเนาเช็คฉบับที่ว่าให้ดู นันทิตาถึงกับหน้าซีด อีกมุมหนึ่งบนโรงพัก อานนท์กับทนายความเดินเข้าไปหาปพลที่ยืนหน้าเครียดรอท่าอยู่ ปลอบว่าไม่ต้องเป็นห่วง ตนจะให้ทนายช่วยจัดการเรื่องนี้ให้
“เรื่องนี้คุณนันทิตาเป็นแค่ผู้ถูกกล่าวหา ยังไม่มีหลักฐานว่าเป็นผู้กระทำความผิด ทางผมจะดำเนินการเรื่องการประกันตัวให้ครับ” คำพูดของทนายไม่ได้ทำให้ปพลคลายความกังวลเรื่องแม่ลงได้...
ทนายจัดการประกันตัวนันทิตาออกมาจนได้ ระหว่างทนายพาเธอกับปพลออกจากโรงพักนักข่าวที่มารอทำข่าวกรูเข้ามารุมล้อม นันทิตาต้องคอยยกมือบังหน้าไม่ให้ถูกถ่ายภาพ นักข่าวถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเธอมีส่วนรู้เห็นด้วยหรือเปล่า ทนายขอโทษนักข่าวด้วยตอนนี้ทางเราไม่สะดวกให้สัมภาษณ์แล้วกันตัวสองแม่ลูกออกไป ทั้งสามคนรีบขึ้นรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว อานนท์ยืนคุยอยู่กับนิรุจที่อีกมุมหนึ่ง