ตอนที่ 1
ด้วยความชิงชังก่อนเดินออกจากห้องปิดประตูดังปัง ปราการเครียดจัดเซจะล้มต้องจับโต๊ะไว้มือหนึ่ง อีกมือจับอกข้างซ้ายที่เจ็บแปลบ
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” รพีพรเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วงปราการยกมือขึ้นเป็นทำนองว่าไม่เป็นอะไร แล้วมองมือข้างที่ตบหน้าลูกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป
ooooooo
ปพลเดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิในสายวันถัดมา ปนิตาที่มารอรับปรี่เข้าไปกอดเขาทันทีที่ออกมาจากช่องผู้โดยสารขาเข้า เขาไม่ได้กอดตอบแค่แตะตัวเธอเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจแล้วถามถึงอานนท์อยู่ไหน
“นี่พี่พลจะไม่ถามนิสักคำหรือคะว่าสบายดีหรือเปล่า หรือบอกคิดถึงนิสักนิดหนึ่ง”
“เท่าที่พี่เห็นก็ดูนิสบายดีอยู่แล้วนี่ครับ”
ปนิตาออดอ้อนจะสบายดีได้อย่างไรในเมื่อคิดถึงปพลจะแย่ แล้วถามเขาคิดถึงเธอบ้างไหม เขาจำต้องตอบตามมารยาทว่าคิดถึง ก่อนถามถึงอานนท์อีกครั้งว่าอยู่ไหน
“จอดรถรออยู่ด้านนอกค่ะ”
“งั้นก็ไปเถอะ” ปพลลากกระเป๋าเดินทางออกไปโดยมีปนิตาควงแขนมาด้วย...
ระหว่างนั่งอยู่ในรถ อานนท์ซึ่งทำหน้าที่
พลขับถามปพลที่นั่งข้างๆว่าชอบนักร้องที่ส่งไปให้ดูบ้างไหม เขาส่ายหน้ายังไม่มีใครน่าสนใจ อานนท์ตัดสินใจเปิดเพลงให้เขาฟัง
“ฉันว่าคนนี้แกต้องชอบ ได้ยินแค่เสียง ฉันนี่โดนสุดๆ”
ปพลยิ้มไม่ค่อยอยากเชื่ออานนท์นัก แต่พอเสียงเพลงดังขึ้นก็สะดุดหูทันที อานนท์เล่าว่าฝ่ายคัดสรรและพัฒนาศิลปินไปเจอที่ผับแห่งหนึ่งเลย
อัดมาให้ฟัง นี่ขนาดเสียงไม่เคลียร์ยังเพราะขนาดนี้แล้วถามเขาว่าเป็นอย่างไร ถ้าเขาชอบอาทิตย์หน้าจะได้เรียกมาออดิชันใหญ่เลย ปพลเห็นดีด้วย แต่ปนิตากลับเห็นตรงกันข้าม หากเอานักร้องในผับมาเป็นศิลปิน ทำพีอาร์คงยากน่าดู สู้หาคนที่โปรไฟล์ดีๆ มีความสามารถมาไม่ดีกว่าหรือ
“เราก็ต้องให้โอกาสทุกคนหรือเปล่านิ นักร้องในผับมันไม่ดีตรงไหนเหรอ ถ้าเขามีความสามารถยังไงเราก็ต้องเรียกมาออดิชันอยู่แล้ว” อานนท์กับปนิตาเถียงกันไม่หยุด ขณะที่ปพลเคาะนิ้วไปตามจังหวะเพลงที่เปิดอยู่อย่างถูกอกถูกใจ...
เจ้าของเสียงเพลงที่ปพลฟังอยู่ในรถกำลัง
ฮัมเพลงเดียวกันไปพลางถูบ้านไปด้วย จันทนีที่เพิ่งลงมาจากห้องนอนร้องถามเธอว่ามีอะไรกินบ้าง
ปานตะวันไม่ได้ยินเพราะใส่หูฟังเพลงอยู่ จันทนีไม่พอใจที่เธอไม่ตอบแถมฮัมเพลงอย่างมีความสุขเข้าไปดึงหูฟังออกตะโกนเรียกเธอดังสนั่นจนสะดุ้งโหยง
“จ๋าแม่”
“แหมนังนี่ เรียกตั้งนานไม่ได้ยิน กูเจ็บคอไปหมดแล้ว...มีอะไรกินบ้าง”
“นี่เลยจ้ะ ปานทำไว้ให้แม่เรียบร้อยแล้ว” ปานตะวันวางไม้ถูพื้นแล้วประคองจันทนีเข้าไปในครัว เปิดฝาชีที่ครอบอาหารออก จันทนีเห็นมีไข่เจียวกับผัดผักก็โวยวายเมื่อวานก็ไข่เจียว วันนี้ยังจะให้กินอีก มีปัญญาทำอย่างอื่นบ้างไหม เธอสัญญาว่าเงินออกเมื่อไหร่ แม่อยากกินอะไรบอกมาเลยแล้วตักข้าวใส่จานให้
“เออ...ให้มันจริงเถอะ แล้วเดี๋ยวเอาเงินมาให้กูด้วย”
“ปานเพิ่งให้แม่ไปเองนะ”
“ก็มันหมดแล้ว มีเงินมันก็ต้องใช้ จะเก็บไว้
ให้ปลวกกินหรือไง”
ปานตะวันขอให้ท่านเพลาๆการเข้าบ่อน เงินจะได้พอใช้ จันทนีไม่พอใจกระแทกช้อนส้อมกับจาน ตกลงใครเป็นแม่กันแน่ ทวงบุญคุณที่ตัวเองเลี้ยงเธอมาจนโตต้องเสียเงินเสียทองไปไม่รู้เท่าไหร่ ปานตะวันไม่อยากต่อปากต่อคำด้วยขอตัวไปถูบ้านต่อแล้วเดินลิ่วออกจากครัว