ตอนที่ 9
ไต้เกียวเล่นละครบีบน้ำตาจนทรงวาดกับปิ่นมุกเชื่อสนิท หลังจากนั้นจึงรีบส่งข่าวถึงฮุ่ยเซี้ยงซึ่งซ่อนตัวในบ้านพันเดชพร้อมเตือนให้ระวังตัวเพราะทรงวาดกับปิ่นมุกไม่ใช่คนโง่หากผิดสังเกตอาจพังกันหมด
ทรงวาดไม่ได้ติดใจสงสัยเรื่องไต้เกียว เช่นเดียวกับปิ่นมุก จะมีเรื่องแววตาและท่าทางเห็นอกเห็นใจของเขาเท่านั้นที่ทำให้เธออดไม่ได้ต้องแกล้งเหน็บ
“แจ้ไต้เกียวก็น่าสงสารเหมือนกันนะ”
น้ำเสียงนิ่งเรียบของเธอทำให้ทรงวาดไม่ไว้ใจ ปิ่นมุกรีบพูดออกตัว “อั๊วพูดจริงๆไม่ได้ประชด”
“โดนถอนหมั้นโดยไม่ใช่ความผิดตัวเองก็น่าสงสารแหละ แต่ความรักมันฝืนใจกันไม่ได้ไม่ใช่เหรอ”
“หมู่นี้เชี่ยวชาญเรื่องความรักเหลือเกินนะเฮีย”
“อั๊วมีครูดี...เป็นนักศึกษาแพทย์ด้วยนะ”
ทรงวาดแกล้งเย้ากลับ ปิ่นมุกทำไขสือจนเขาโอดเสียงอ่อน
“อั๊วแสดงออกขนาดนี้แล้วลื้อยังไม่เข้าใจอีกรึไง ลื้อก็รู้ว่าอั๊วพูดไม่เก่ง”
ปิ่นมุกยังตีมึนไม่รู้ไม่ชี้ ทรงวาดงอนบ่นพึมพำ
“ริคบเด็กสาวก็ยังเงี้ย ต้องให้พูดว่ารักจากปากรึไงลื้อถึงจะหายงอน ตั้งใจฟังล่ะอั๊วพูดครั้งเดียวนะ”
ทรงวาดทำท่าจะบอกรักจริงๆ ปิ่นมุกเขินจัดรีบห้าม
“ไม่ต้องๆ เอาไว้อั๊วอยากได้ยินแล้วจะบอกอีกทีก็แล้วกัน”
แปะฮ้อเฝ้ามองความรักระหว่างทรงวาดกับปิ่นมุกเงียบๆ ฉวยจังหวะที่ตนเองพักรักษาตัวที่บ้านทรงวาดถามถึงเรื่องลี่เง็กซึ่งยังหาตัวฆาตกรไม่พบ ทรงวาดถอนใจยาวเล่าสถานการณ์ตามจริง
“ข้อมูลที่ตำรวจมีให้ก็ไม่มาก ที่จริงอั๊วมีคนที่อั๊วสงสัยอยู่แต่จะกระชากหน้ากากมันก็ไม่ง่าย”
“ยังไงระวังด้วยก็แล้วกัน ตอนนี้ใครๆก็หาว่าอาจ่าอีเป็นคนฆ่าน้องสาวลื้อ แล้วถ้าอาจ่าอีเป็นอะไรขึ้นมาความแค้นมันก็จะยิ่งฝังลึกมากขึ้นอีก ความแค้นมันก็เหมือนปมเชือก...จะผูกปมมันง่ายแต่คลี่คลายมันยาก”
ooooooo
คำเตือนของแปะฮ้อกลายเป็นเรื่องจริง ไม่กี่วันต่อมาเมื่อเฮ้งเตี๋ยงหายตัวจากโรงเตี๊ยม พริ้มเพราร้อนใจมากแล่นไปขอความช่วยเหลือจากทรงวาดให้ตามหาผัว
ทรงวาดสังหรณ์ไม่ดีเพราะเฮ้งเตี๋ยงเป็นคนเลือดร้อน รีบไปหารณชิตที่โรงพักโดยไม่รู้เลยว่าตำรวจหนุ่มมีแผนลวงคนร้ายออกจากที่ซ่อนด้วยการเอาตัวเองเป็นเหยื่อล่อ!
เฮ้งเตี๋ยงลอบมองรณชิตนั่งก๊งเหล้ากับพวกชาวบ้านด้วยแววตาคับแค้นใจ ในหัวสับสนมีทั้งภาพน่าสงสารของพริ้มเพราเมียรักและคำพูดเตือนสติของทรงวาดก่อนจากที่ไม่อยากให้เขาเลือกเดินตามเส้นทางนักเลงอีก