ตอนที่ 9
แปะฮ้อซึ่งรู้จักปิ่นมุกดีกว่าใครเห็นท่าทางสาวน้อยที่เห็นตั้งแต่เด็กก็สงสารปนเห็นใจแต่อยากเตือนสติ ชี้ให้เธอดูคนงานโรงสีแบกข้าวสารหนักๆหน้าดำคร่ำเครียด
“ความแค้นมันก็เหมือนกระสอบข้าวที่แบกไว้บนบ่านั่นแหละ...ทั้งหนักทั้งทุกข์ พอวางกระสอบลงก็เบาสบาย ถ้าลื้อไม่มีความสุขทำไมไม่ลองวางความแค้นของลื้อลงล่ะ”
ปิ่นมุกเข้าใจความหมายคำพูดของแปะฮ้อแต่ยังทำใจไม่ได้ พ่อแม่ต้องตายแถมเธอต้องลำบากหลายปี หากไม่มีทรงวาดยื่นมือช่วยเธอคงถูกขายซ่องที่ไหนก็ไม่รู้...
ฮุ่ยเซี้ยงยอมรับชะตากรรมพิการตลอดชีวิตของตนไม่ได้ ส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากไต้เกียวจนเธอต้องยอมตัดใจเอามีดปอกผลไม้ไปวางในห้องตอนเยี่ยมไข้ให้เขาฆ่าตัวตายในคืนเดียวกัน
ฤทธิ์ไม่ยี่หระความตายของฮุ่ยเซี้ยงแต่รีบทำลายหลักฐานคือเสื้อและอาวุธที่เขาใช้ตอนตัดนิ้วตัดลิ้นอีกฝ่าย โชคดีที่ทรงวาดรู้ทันและพารณชิตมาจับได้คาหนังคาเขา!
รณชิตไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองแต่จำนนด้วยหลักฐานตรงหน้าที่ฤทธิ์เตรียมมาเผาทิ้ง ทรงวาดสืบทั้งหมดจากกระดุมที่ฮุ่ยเซี้ยงจงใจพ่นใส่หน้าเขาจนรู้ว่าเป็นกระดุมเสื้อของฤทธิ์
“แกเป็นคนระมัดระวังตัวมาตลอดจนฉันเกือบจะหลงกลด้วยซ้ำ ครั้งนี้ถ้าแกฆ่าโอ๊วแปะซะเลยฉันอาจจะหาหลักฐานมัดตัวแกได้ยากกว่านี้ แต่เพราะแกต้องการสร้างความหวาดกลัวให้ลูกน้องคนอื่นเลยมีช่องโหว่มากกว่าปกติ”
“เก่ง...ฉันรู้ว่าแกเริ่มสงสัยฉันตั้งแต่ตอนที่ยิง
ไอ้แก่นั่นครั้งแรกแล้วแต่ก็ยังพลาดจนได้”
“ถ้าทบทวนดีๆฉันรู้ตัวช้าไปด้วยซ้ำ”
ฤทธิ์รู้ตัวว่าจะถูกจับวิ่งหนี รณชิตตามติดแต่ไม่กล้ายิงลูกพี่ลูกน้องหนุ่ม ทรงวาดกับทิเหล็งไปช่วยแต่ฤทธิ์ฝีมือฉกาจจนไม่มีใครเข้าถึงตัว กระนั้นทรงวาดก็รู้สึกคุ้นตาท่าทางของฤทธิ์จนถึงบางอ้อว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นคนเดียวกับชายลึกลับที่ขี่มอเตอร์ไซค์ไปช่วยพันเดชตอนเหตุวางระเบิดรถเมื่อหลายวันก่อน
ทรงวาดตั้งท่าท้าฤทธิ์ “ฉันขอแก้มือคราวก่อน”
“ยังจำได้เหรอ เก่งนี่...ขนาดไม่เห็นหน้า”
ฤทธิ์แสยะยิ้มไม่หวั่นหากต้องประมือกับทรงวาด ทั้งสองฝีมือสูสีไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำจนกระทั่งพวกตำรวจยกกำลังมาช่วยทำให้ทรงวาดเสียจังหวะปล่อยฤทธิ์หนีไปได้
ooooooo
รณชิตคาใจท่าทางระหว่างทรงวาดกับฤทธิ์ เชื่อว่าทั้งสองน่าจะเคยประมือแต่ไม่รู้เมื่อไหร่และเพราะอะไร ทรงวาดไม่เล่าเพราะจะพาดพิงพ่อกับพี่ชายบุญธรรม ปิ่นมุกก็ช่วยพูดจนรณชิตต้องยอมถอย