ตอนที่ 13
ยอดรักเห็นเหิมน้ำตาไหลพรากก็ด่าลั่นว่าไอ้นักเลงขี้หมา เจ็บแค่นี้ทำเป็นบีบน้ำตา ชลดามองเหิมอย่างพิจารณา ก่อนจะฟันธงว่าเขาไม่ได้ร้องไห้เพราะเจ็บ
“ชลว่าเขาร้องไห้เพราะลึกๆแล้วเขายังมีความเป็นคนเหลืออยู่มันเลยทำให้เขาเสียใจในสิ่งที่เขาทำลงไป”
“ฉันไม่เข้าใจ ไอ้ยอดรักทำไมแกไม่ฆ่าฉันตั้งแต่เมื่อกี้วะ นี่ถ้าเป็นฉันนะ แกคงตายไปแล้ว”
“อาเหิม ลื้อจะถามหาเตี่ยอะไรวะ ไม่ตายน่ะดีแล้ว”
เหิมหันไปถลึงตาใส่เฮียกวงบอกให้หุบปาก แล้วขอคำตอบจากยอดรักทำไมถึงไม่ฆ่าตน เขายอมรับว่าเคยหมายมั่นปั้นมือหากเจอกันอีกครั้งจะจัดการให้หายแค้น แต่พอเห็นเหิมวิ่งกระเซอะกระเซิงหนีตายเหมือนหมูเหมือนหมาก็ทำไมลง ถึงอย่างไรเราก็คนบ้านเดียวกัน เขาจะไม่ยอมให้มือตัวเองเปื้อนเลือดพี่น้องเด็ดขาด
“ถึงแม้แกจะชั่วช้าแค่ไหนก็ตาม แต่ฉันจะเอาแกไปส่งตำรวจให้กฎหมายจัดการคนอย่างแก” ยอดรักคว้ามือชลดามากุมไว้ “แล้วเหตุผลอีกข้อที่ฉัน
ไม่ฆ่าแกแถมยังรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณแกด้วยซ้ำก็คือ แกทำให้ฉันได้พบกับผู้หญิงที่ต่อให้ตายแล้วเกิดใหม่อีกสิบๆชาติฉันก็ไม่มีวันได้เจอ” ยอดรักมองสบตาชลดาเพื่อย้ำว่าทุกคำที่พูดเป็นความจริง เธอทั้งดีใจและเศร้าใจที่ได้ยิน เหิมมองเขาอย่างระแวง
“แกสาบานมาว่าไม่เคยรักส้มจี๊ด”
“ชั่วชีวิตนี้ฉันรักผู้หญิงเพียงสองคน คนแรก
คือแม่ฉันที่ฉันมีเวลาอยู่กับเขาน้อยมาก อีกคนคือชลคนที่ฉันอยากจะอยู่กับเขาจนวันตาย”
“ฉันหลงนึกว่าแกรักมัน...มันเลยไม่รักฉัน”
ยอดรักอยากจะถุยน้ำลายใส่หน้าเหิมนัก เคยตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูตัวเองบ้างไหม ผู้หญิง
คนไหนจะรักคนชั่วอย่างเขา นี่ทั้งชีวิตเขาเคยคิดจะทำความดีบ้างไหม เหิมเริ่มตาสว่างถ้าอย่างนั้นหากเขาคิดจะทำความดีตอนนี้ตายไปคงไม่อายหมาใช่ไหม
“ไอ้ยอดรัก แกรู้ไหมว่าไอ้ผจญมันมาหาตัวพ่อส้มจี๊ด”
“มันจะเอาตัวครูสมัยไปทำไมวะ”
“ไม่รู้ ฉันรู้แค่ว่ามันคงไม่ได้มาขอส้มจี๊ดเพราะมันอยากฆ่าส้มจี๊ดมานานแล้ว ไอ้ยอดรัก แกต้องรีบไปช่วยพ่อส้มจี๊ดนะ”
ข่าวใหม่ที่เพิ่งรู้จากเหิมทำให้ยอดรักวิตกกังวลและเป็นห่วงความปลอดภัยของครูสมัย
ooooooo
ชบาแต่งตัวแบบจัดเต็มเดินมาแอบมองผจญที่กำลังดูรูปถ่ายการแสดงของคณะครูสมัยอยู่ในห้องรับแขก
ท่าทางดูดีมีฐานะของเขาถูกตาต้องใจเธอ
ยิ่งนัก ชบาส่องกระจกดูเสื้อผ้าหน้าผมอีกครั้งแต่ก็ยังไม่มั่นใจกวักมือเรียกหัวหน้าวงให้เข้ามาหาถามว่าตัวเองดูดีหรือยัง หัวหน้าวงพยักหน้าอย่างสุดเอือม ชบาไม่วายส่องกระจกอีกครั้ง ก่อนเดินนวยนาดเข้าไปในห้องรับแขก...
หัวหน้าวงหมั่นไส้ชบาเป็นทุนเดิม ทันทีที่พาเธอไปพบกับผจญ รีบบอกว่าเมียครูสมัยมาแล้ว เธอหน้าเสียไม่อยากให้แขกผู้มาเยือนรู้ว่าเธอมีผัว มองหัวหน้าวงอย่างเอาเรื่อง แล้วหันมาไหว้ผจญอย่างอ่อนช้อยแบบนางสาวไทยแต่แอบถีบลูกหลังใส่หัวหน้าวงจนร้องลั่น
“อุ๊ยขากระตุก ขอโทษค่ะพี่ขา เออ หมดธุระแล้วพี่จะไปตายหรือไปทำอะไรก็ไปๆซะนะคะ ชิ้วๆ”
ชบาจิกตาใส่หัวหน้าวงที่รีบออกไปแทบไม่ทัน แล้วหันมาทางผจญ แนะนำตัวเองว่าชื่อชบาบี้
ศรีอียอ เป็นนักร้องนำวงดนตรีของครูสมัย ผจญจับมือเธอมาจูบแบบฝรั่ง
“ยินดีที่รู้จักครับ ผมผจญครับ ผมอยากจะจ้างวงดนตรีครับ คือเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาครับ ไม่อั้น ผมเลยอยากคุยกับครูสมัยท่านสักหน่อย”
“ชบารับเรื่องแทนได้ค่ะ เอ๊ะ ว่าแต่ว่าทำไมคุณผจญถึงรู้จักวงดนตรีของเราได้คะ”
ผจญโกหกว่าตัวเองกับเพื่อนเปิดคาเฟ่ที่สัตหีบ แล้วนักร้องที่นั่นชื่อส้มจี๊ดบอกว่าที่หนองอียอมีเพชรรอการเจียระไนอยู่หลายเม็ดรวมทั้งเม็ดที่ชื่อชบาบี้ ศรีอียอด้วย ชบาตกใจตอนส้มจี๊ดบอกเขาผีเข้าหรือเปล่า ผจญส่ายหน้าไม่ได้เข้า แม่เลี้ยงตัวแสบบีบน้ำตา
เดินไปที่รูปถ่ายของส้มจี๊ด บอกว่าคิดถึงส้มจี๊ดมากจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ แล้วถามเขาว่าเมื่อไหร่เธอจะได้ไปร้องเพลงที่คาเฟ่ของเขาบ้าง ผจญจะให้ไปร้องทันทีที่เจอครูสมัย
“งั้นคุณก็คงต้องรอเขากลับมาจากวัดหนองอียอแล้วล่ะค่ะ โอ๊ย ไม่รู้จะไปทำไมกันนักหนา เอาแต่เข้าวัดเข้าวางานการไม่ทำ...เซ็ง”
เมื่อรู้ที่อยู่ของครูสมัย ผจญเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้า สั่งสมุนตามไปลากคอพ่อของนังส้มจี๊ดที่วัด ชบาตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น สมุนถามผจญ
แล้วนังคนนี้จะให้ทำอย่างไร เขาเห็นเธอคุยว่าสนิทสนมกับส้มจี๊ดก็ให้เอาตัวไปด้วย อยากดูว่ามันจะทำอย่างไรถ้ารู้ว่าคนที่รักมันต้องตายถ้ามันยังกล้าลองดีกับเขาอีก
“กับพ่อมันฉันไม่รู้ แต่กับฉันมันฮาแน่ถ้าฉันต้องตายไป จะบ้าเหรอ ใครบอกแกว่าฉันกับนังส้มจี๊ดรักกัน”
“ก็คุณไง คุณชบาบี้ ศรีอียอ”
“คือ...คือฉันแค่แหลสร้างภาพไปอย่างนั้นเอง”
ชบาพยายามอธิบายแต่ผจญไม่สนใจ สั่งให้สมุนจัดการเธอได้เลย สมุนต่อยท้องเธอลงไปจุก