ตอนที่ 13
“อ้ายอีที่ไม่รู้จักเวล่ำเวลา ชอบสาระแนเรื่องชาวบ้านทั้งหลาย คนนี้แหละหมอชลดาแฟนไอ้ยอดรัก”
ชาวบ้านส่งเสียงอื้ออึงทึ่งในความสวยของชลดา ยอดรักมองความชื่นชมของชาวบ้านยิ้มแก้มแทบปริ เขามัวแต่ส่งยิ้มหันมาอีกทีเห็นชลดาเดินไปไหว้ป้าจุ๊ รีบตามไปสมทบ เธอส่งซองเงินสามหมื่นบาทให้ ป้าจุ๊ตะลึง เงินค่าอะไรตั้งสามหมื่นบาท เธอชี้แจงว่าเป็นเงินของยอดรักกับเธอช่วยงานศพซิ่ง
“อ้าว ก็เจ้ายอดรักบอกว่าเขา...” ป้าจุ๊พูดไม่ทันจบ ชลดาชิงพูดตัดหน้าว่ายอดรักเกรงใจเธอ
“เพราะเขาให้ชลเก็บเงินทั้งหมดของเขาไว้ ถ้าไม่พอป้าบอกชลมาเลยนะเราจะช่วยอีก”
เสียงอื้ออึงจากชาวบ้านในความใจดีของยอดรักกับแฟนดังสนั่น ป้าจุ๊จับไม้จับมือชลดา
บอกว่าเงินแค่นี้พอแล้วๆบอกให้ยอดรักพาเธอไปนั่ง เธอขอให้รอก่อน มีเรื่องสำคัญอีกเรื่องที่เธอต้องไปทำ
“ยอดรัก ช่วยพาชลไปหาพ่อแม่นายเหิมหน่อยนะจ๊ะ”
“หมอชลจะไปทำไม” ป้าจุ๊นิ่วหน้าสงสัย ชลดาเห็นชาวบ้านที่รุมล้อมพากันสนใจที่เธอให้ยอดรักพาไปหาพ่อแม่นักเลงหัวไม้ที่ทุกคนเกลียดชัง
“พ่อแม่นายเหิมต้องรู้ความจริงว่าถึงแม้ในอดีตนายเหิมจะเป็นคนเกเร แต่ในวันที่เขาตาย เขาตายในฐานะพลเมืองดีที่พ่อแม่เขาควรภูมิใจ”
คราวนี้ชาวบ้านส่งเสียงอื้ออึงหนักมาก
ไม่เชื่อว่าเหิมจะเป็นฮีโร่
ooooooo
ไม่ใช่แค่ชาวบ้านเท่านั้นที่ไม่เชื่อเรื่องเหิมเป็นฮีโร่ แม้แต่พ่อแม่ น้องชายและน้องสาวของเหิมก็ไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน ชลดาต้องให้สารวัตรกรุ๊นด์กับริสาซึ่งเป็นตำรวจช่วยยืนยันความจริง แม่ของเหิมดีใจร้องไห้โฮ
“ไอ้ยอดรัก ไอ้เหิมมันทำกับเอ็งไว้เยอะ อโหสิ ให้มันเถอะนะ ถือว่ามันชดใช้กรรมไปแล้ว” พ่อเหิมขอร้อง
“สำหรับผม...ฟังนะทุกคน ไอ้เหิมคือเพื่อนของฉัน มันยอมตายแทนฉัน ไม่ว่ามันจะเคยทำอะไรเอาไว้กับฉัน...ฉันอโหสิให้กับมันแล้ว ได้ยินกันแล้วนะ”
ชาวบ้านพยักหน้ารับคำ ชลดาเอาซองเงินช่วยงานศพให้ยอดรักแล้วพยักพเยิดให้เอาไปให้พ่อแม่ของเหิม เขาเกรงใจเธอมากแต่ก็รับซองมายื่นให้พวกท่านเป็นเงินช่วยทำบุญของเขากับชลดา
จังหวะนั้นป้าจุ๊แหวกผู้คนเข้ามาแจ้งยอดรักกับชลดาว่าพระมาแล้ว ชลดาอ้าปากจะพูดบางอย่างแต่ป้าจุ๊ไม่เปิดโอกาสให้ คว้าแขนเธอกับยอดรักเดินลิ่วกลับศาลาสวดศพซิ่งเพื่อไปเป็นประธานของงาน พ่อของเหิมเดินมาหาริสา
“งั้นผมขอเชิญคุณตำรวจทั้งสองช่วยให้เกียรติเป็นประธานงานไอ้เหิมด้วยเถอะครับ วิญญาณมันคงดีใจ”
“ยินดีค่ะ มาสารวัตร” ริสาดึงสารวัตรกรุ๊นด์เข้าไปนั่งใน ชาวบ้านทยอยเดินตาม พ่อแม่ของเหิมดีใจที่มีคนมาร่วมงานศพลูกรีบเข้ามาต้อนรับ...
สวดอภิธรรมศพซิ่งเสร็จ ยอดรักออกมายืนร่ำลาแขกที่ทยอยกันกลับ พยายามชะเง้อคอยาว
หาชลดาแต่ไม่เห็น ถามใครก็ไม่มีใครรู้ว่าเธอไปไหน กระทั่งถามชาวบ้านคนหนึ่งชี้ไปทางลานจอดรถ เห็นชลดายืนปรึกษาอยู่กับริสาและสารวัตรกรุ๊นด์ เขารีบเดินมาหา ทำให้ทันได้ยินการสนทนา
“คืนนี้นายกวงจะอยู่ในการควบคุมของตำรวจที่นี่ แล้วพรุ่งนี้เช้า สากับสารวัตรจะพาตัวนายกวงขึ้นเครื่องบินเพื่อไปส่งพนักงานสอบสวนที่ออกหมายจับค่ะ”
“เราจะพักที่โรงแรมในเมืองใกล้ๆโรงพักที่ควบคุมตัวนายกวง แล้วหมอชลล่ะครับจะไปพักกับเราไหม”
ยอดรักรีบแทรกทันที “ชลจ๊ะ ป้าจุ๊แกอยากปรึกษาเราเรื่องงานของไอ้ซิ่งอ่ะ ไม่รู้ว่าชลจะสะดวกหรือเปล่า”
ชลดาไม่แลยอดรักแม้แต่น้อยหันไปพูดกับสารวัตรกรุ๊นด์ “ไม่ต้องห่วงชลเรื่องที่พักหรอกค่ะ ชลเสร็จธุระที่นี่แล้วจะตามไป ชลขอตัวนะคะ”
ชลดาว่าแล้วหันหลังเดินกลับศาลาทิ้งยอดรักไว้อย่างนั้น สารวัตรกรุ๊นด์จับแขนเขาไว้ บอกว่ามีคำพูดของฝรั่งที่พูดไว้ว่า สายน้ำที่ไหลผ่านไปจะไม่หวนกลับคืน มา ดูท่าว่าเขาคงต้องทำใจเรื่องหมอชลแล้ว แล้วตบแขน เขาเบาๆอย่างเป็นกำลังใจให้ จากนั้นชวนริสากลับ
เมื่อมาถึงรถตู้ทั้งคู่หันกลับไปมองเห็นยอดรักยังยืนเศร้าเพียงลำพัง สารวัตรกรุ๊นด์ถอนใจหนักใจแทน
“ผมสงสารคนคนนั้นนะ สำหรับเขา หมอชลคือผู้หญิงที่ดีที่สุดของเขา แต่สำหรับหมอชล เดี๋ยวเธอก็คงเจอคนใหม่ที่เหมาะสมกับเธอมากกว่าเขา”
“หมอชลจะรักใครได้อีกไหมถ้าหัวใจของเขาไปอยู่กับคนอื่นแล้ว”
“คุณสา คุณก็รู้ว่าผู้กองนักรบตายแล้ว”
“รอสาสักครู่นะคะสารวัตร” ริสาว่าแล้วกลับไปหายอดรักที่เดินคอตกกลับศาลา เธอเดินตามจนทันเห็นเขากำลังมองดูชลดาที่กำลังปรึกษาเรื่องงานศพอยู่กับชาวบ้าน กระแอมให้รู้สึกตัว ยอดรักหันมาเห็นริสายืนยิ้มอยู่ถามว่าลืมอะไรหรือ
“ยอดรัก มันมีอยู่สองข้อที่ผู้กองนักรบกับคุณแตกต่างกัน แค่สองข้อเท่านั้น ลองทายสิ”
“ชาติกำเนิด การศึกษา อาชีพ” คำตอบของยอดรักไม่ถูกสักข้อ ริสาเฉลยให้ฟังว่า
“ข้อแรก ผู้กองนักรบเป็นคนซื่อสัตย์แต่คุณไม่ คุณโกงเพื่อให้ได้หัวใจของหมอชล ผู้กองนักรบจะไม่มีวันทำอย่างนั้น”
“คงจริงมั้ง” ยอดรักก้มหน้าด้วยความละอายใจ
“แต่คุณคงอยากฟังข้อสองมากกว่า ฟังดีๆนะ คุณต่างหากคือคนที่หมอชลรักไม่ใช่ผู้กองนักรบ”
คำพูดจริงจังของริสาทำให้ยอดรักรับรู้ได้ว่านั่นไม่ใช่แค่คำปลอบโยน หันมองชลดาที่บังเอิญมองมาทางเขาพอดี สีหน้าของเธอยังคงเรียบเฉย ก่อนหันไปคุยกับชาวบ้านต่อ