ตอนที่ 12
สายวันเดียวกันที่ค่ายมังมหานรธา ทหารหามแคร่ที่มังมหานรธานอนป่วยหนักอยู่ออกมาพบเนเมียวสีหบดีที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว มีขุนนางอยุธยาคนหนึ่งนั่งคุกเข่าอยู่ เนเมียวสีหบดีทักทายยิ้มแย้มว่า
“มาแล้วรึท่านแม่ทัพ อโยธยาส่งทูตมาหาเราเป็นคราแรกนับแต่เปิดศึก ท่านลองฟังดูเถิดว่าจะมีความใดมาเจรจา”
“ว่าไป” มังมหานรธาถูกพยุงลุกขึ้นนั่ง มองไปที่ขุนนาง
ขุนนางหยิบม้วนสาส์นจากพานขึ้นไหว้จบหัว หน้าเครียด...
“พระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงมีพระบัญชาลงมาให้บอกต่อท่านแม่ทัพทั้งสองว่า อโยธยาศรีรามเทพนคร จะขอเป็นเมืองประเทศราชแก่รัตนะบุรีอังวะสืบไป” แล้วยื่นม้วนสาส์นให้
เนเมียวสีหบดีตบเข่าฉาด หัวเราะลั่นด้วยความสะใจ มังมหานรธาที่ป่วยหนักอยู่ยิ้มบางๆ ดีใจที่อยุธยายอมแพ้ต่อหน้าตน
ข่าวนี้สร้างความยินดีปรีดาแก่เจ้าจอมเพ็ญอย่างมากที่ความหวังเป็นแม่หยั่วเมืองใกล้เป็นจริงแล้ว แต่จมื่นศรีสรรักษ์กลับร้องไห้เสียใจอย่างหนักที่อยุธยาต้องตกเป็นเมืองขึ้น
ในตำหนักกรมขุนวิมล...เป้าร้องไห้พูดกับแมงเม่าอย่างเจ็บใจว่า
“ฉันน่าจะเชื่อแม่แมงเม่า แม่เคยบอกฉันว่าเรื่องบ้านเมืองเป็นเรื่องของทุกคน ฉันก็เอาแต่คิดว่าไม่ใช่สิ่งที่ฝ่ายในแลผู้หญิงอย่างเราควรข้องเกี่ยว มาบัดนี้ฉันรู้ว่าความเจ็บช้ำน้ำใจ สิ้นศักดิ์ศรีจนต้องตกเป็นทาสเขามันเป็นเช่นใด”
“อดทนไว้แม่เป้า วันนี้เราแพ้ เราก็ต้องอยู่กับมันให้ได้ ขอเพียงแม่ไม่ลืมความเสียใจในครั้งนี้”
“หากฉันย้อนกลับไปได้ฉันจะไม่ทำอย่างที่แล้วมาเลย จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดอย่างนี้” เป้ายังร้องไห้หนัก
กรมขุนวิมล เจ้าจอมอำพัน และคุณท้าวโสภา ต่างร้องไห้หนักเพราะทุกคนคิดเหมือนเป้า มีแต่แมงเม่าเท่านั้นที่คอยปลอบเพราะตนคาดการณ์ไว้แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้
พระยากำแหงร้องไห้อย่างสิ้นอาย เจ็บใจที่อยุธยาต้องตกเป็นเมืองขึ้น โดยมีขันทอง หลวงศรีมะโนราชและขุนรักษ์เทวายืนดูอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หลวงศรีมะโนราชถอนใจเอ่ยขึ้นว่า
“อย่าเสียใจไปเลยเจ้าค่ะท่านเจ้าคุณ นึกเสียว่ารักษาชีวิตคนไว้จะได้ไม่มีใครต้องมาตายเพราะศึกนี้อีก” ถูกขุนรักษ์เทวาประชดว่าตนหูฝาดหรือ คุณหลวงตัวปลอมหรือกินยาผิดสำแดงมากันแน่ แต่ขันทองบอกว่า
“ที่คุณหลวงพูดก็ถูกนะเจ้าคะ อโยธยาถูกล้อมมาเกินปี แลอังวะตั้งค่ายในระยะปืนใหญ่ ยิงถล่มทั้งวันและคืน ไม่มีปาฏิหาริย์ใดทำให้เราพ้นจากความพ่ายแพ้ไปได้ สู้ยอมแพ้เสีย ยังรักษาชีวิตคนได้อีกมาก”
“ฉันรู้” พระยากำแหงร้องไห้ข่มกรามแน่นอย่างแค้นใจ “แต่ฉันแค้นใจแลอับอาย จนอยากจะตายไปเสียประเดี๋ยวนี้ ก่อนหน้าฉันนึกตำหนิท่านเจ้าคุณตากที่หนีศึก แต่มาบัดนี้ฉันอยากจะหนีไปด้วยเสียจริง จะได้ไม่ต้องทนอับอายเป็นเมืองขึ้นเมืองออก”
ooooooo