ตอนที่ 12
หลังจากเลื่อนตายไปแล้วสี่เดือน เจ้าจอมเพ็ญจึงมาตีหน้าเศร้าเสียใจและโกรธแค้นว่าเลื่อนไม่ซื่อ กระทำการชั่วช้า ขอเสด็จพระองค์หญิงโปรดประทานอภัยให้ตนด้วยเถิด
เจ้าจอมอำพันหมั่นไส้แขวะว่ามาเสียใจเอาป่านนี้ไม่ช้าไปหน่อยรึ เจ้าจอมเพ็ญอ้างว่าตนอับอายที่เกิดเรื่องเช่นนี้ ไม่กล้าสู้หน้าผู้ใด กว่าจะทำใจออกจากตำหนักได้ ก็ล่วงเลยมานานเดือน
พอดีแมงเม่ายกของว่างเข้ามา กรมขุนวิมลบอกให้เจ้าจอมเพ็ญลองชิมดู ขันทองจึงหยิบจานของว่างให้เจ้าจอมเพ็ญ แต่ด้วยความแค้นที่อัดแน่นจนระงับไม่อยู่ทำให้ขันทองมือสั่นเทาจนทำจานของว่างตกพื้น ขันทองหน้าเสียที่มีพิรุธรีบขอประทานโทษ อ้างว่าไม่ใคร่สบาย หูตาพร่ามัว มือไม้ไม่ค่อยมีแรง
เป้าจะมาเก็บกวาด แมงเม่าถามขันทองว่าไหวหรือไม่ มีกระไรให้ช่วยไหม ขันทองปฏิเสธและฝืนยิ้มให้แต่พอออกจากตำหนักไปที่มุมหนึ่งในวัง ขันทองก็ชกต้นไม้ระบายอารมณ์ คำรามเจ็บใจ
“คนฆ่าแม่อยู่ตรงหน้า กลับต้องรับใช้มันอีก” ขันทองจะชกต้นไม้อีก
ขณะนั้นเองขุนรักษ์เทวาเข้ามาจากข้างหลังจับบ่าขันทองไว้ ขันทองตกใจหันไปบีบคอทันที พอรู้ตัวก็ปล่อย ขุนรักษ์เทวาสำลักไอโขลกๆ ตัดพ้อต่อว่าเง้างอน แล้วจึงบอกข่าวดีแก่ขันทองว่า
“พวกทหารฝ่ายหน้าแจ้งมาว่ามังมหานรธาแม่ทัพอังวะกำลังล้มป่วยหนัก มิแน่ว่าอาจจะถอนทัพกลับเหมือนคราศึกพระเจ้าอลองพญาก็เป็นได้”
ขันทองฟังแล้วคิดต่อไปว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นอีกในภายหน้า
เวลาเดียวกันเนเมียวสีหบดีไปหามังมหานรธาที่กระโจมในค่าย ปั้นยิ้มถามว่าเป็นอย่างไรบ้างท่านแม่ทัพ มังมหานรธาชำเลืองมองประชดว่า
“คงต้องทำให้ท่านผิดหวัง เพราะข้ายังไม่ตาย”
“ข้ารู้ว่าท่านไม่ชอบข้า แลที่ผ่านมาเราสองคนก็แย่งความดีความชอบกันมาตลอด แต่ข้าก็นับถือในตัวท่านนัก นอกจากอะแซหวุ่นกี้แล้วจะหาผู้ใดในแผ่นดินพุกามชาญศึกเท่าท่านเป็นไม่มี”
มังมหานรธายิ้มอย่างรู้ทัน บอกว่า “ท่านเองก็พิชิตทั้งล้านนา ล้านช้าง และบังคับบัญชาทหารเด็ดขาด หาได้ด้อยไปกว่าข้าไม่ อย่าถ่อมตัวนักเลย มีกระไรก็พูดมาตรงๆเถิด”
“ข้าอยากได้ปัญญาท่านในการตีอโยธยา แม้เราจะเข้าล้อมจนอยู่ในระยะปืนใหญ่แล้ว แต่อโยธยายังอุดมสมบูรณ์นัก กำแพงเมืองก็แข็งแรงมั่นคง ลำพังแต่ยิงปืนใหญ่เข้าไปเห็นทียังไม่อาจเอาชัยได้”
มังมหานรธราว่าเหตุใดต้องบอกให้เนเมียวสีหบดี มีความดีความชอบกว่าตน เนเมียวสีหบดีพูดยิ้มๆว่า
“เพราะเพลานี้ มีข้าคนเดียวที่ทำตามแผนการของท่านได้น่ะสิ บอกมาเถิด เราจำต้องเร่งจบศึกนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อกลับไปช่วยอังวะรบกับจีน...หรือท่านไม่ห่วงอังวะเสียแล้ว”
เนเมียวสีหบดีพูดดักคอจนมังมหานรธานิ่งไปก่อนจะถอนใจออกมาอย่างทำใจ...บอกเนเมียวสีหบดีว่า
“ท่านจงสร้างค่ายใหม่ 27 ค่าย ล้อมพระนครรวมถึงเพนียดวัดสามพิหาร วัดมณฑป วัดนางปลื้ม แลวัดศรีโพธ์ เพื่อที่จะได้ยิงปืนใหญ่เข้าอโยธยาอย่างแม่นยำยิ่งขึ้น แต่การยิงปืนใหญ่เป็นตัวหลอก แท้จริงคือการขุดอุโมงค์ 5 แห่งด้านหัวรอ ขุดไปจนถึงฐานรากของกำแพงเมืองอโยธยาใช้ไฟเผาฐานรากจนกำแพงเมืองอโยธยาทรุดลงมา แล้วบุกเข้าไป”
ooooooo