ตอนที่ 3
หลังจากพสุพาเจ้าแสงจันทาหรือเจ้าจ้อยออกจากหมู่บ้านเมืองแพรกเพื่อเดินทางต่อไปให้ถึงชายแดนไทย และยุพราชกับอ่อนคำก็มุ่งหน้าไปเมืองเปยเพื่อตามหากลุ่มเจ้าแสงหน่อฟ้าแล้ว ลุงแสงก็รีบแจ้งให้เผ่าเทพที่รออยู่ในเขตไทยทราบ
ระหว่างที่กำลังพูดวิทยุสื่อสารอยู่นั้น ลุงแสงเห็นกลุ่มทหารซาอูแล่นรถผ่านไป จึงบอกให้เผ่าเทพรู้ด้วย เผ่าเทพเป็นห่วงพสุกับเจ้าแสงจันทามาก แต่ก็หวังว่าความเก่งกาจเฉลียวฉลาดของเพื่อนจะนำพาเจ้าแสงจันทารอดปลอดภัยมาได้
อันโตนกับจ่อเอนำทหารซาอูกลุ่มหนึ่งเข้ามาในหมู่บ้านเมืองแพรกแล้วจับตัวผู้ใหญ่ส่วยมาคาดคั้นถามหาเจ้าแสงจันทา แต่ผู้ใหญ่ส่วยปฏิเสธไม่รู้เห็นทำให้อันโตนต้องเปลี่ยนไปจับเมียผู้ใหญ่ส่วยมาแล้วทำท่าจะฆ่าทิ้ง ผู้ใหญ่ส่วยไม่มีทางเลือกเลยต้องพูดความจริงออกมา
เวลานั้นพสุกับเจ้าจ้อยเดินเท้าไปเจอชาวบ้านชายสองคน พวกเขาสนใจเจ้าจ้อยที่แม้จะแต่งตัวซอมซ่อและผิวพรรณหมองคล้ำ แต่ความสวยของเธอก็ยังเตะตา
สองหนุ่มถึงกับเข้ามาก้อร่อก้อติกจะจีบ พสุเลยต้องแสดงตัวเป็นสามีเจ้าจ้อยแล้วทำให้รู้ว่าเขารักและหวงเมียมาก สองหนุ่มถึงยอมถอยห่าง แต่ไม่วายบ่นกันว่าน่าเสียดายมีผัวเสียแล้ว
เจ้าจ้อยเขินอายกับบทบาทเมื่อสักครู่และไม่วายบ่นพสุว่าทำไมต้องบอกว่าตนเป็นเมียเขา บอกเป็นพี่ชายกับน้องสาวก็ได้
“โธ่...ใครจะไปเชื่อครับ หน้าคุณกับหน้าผมไปกันคนละโยชน์เลย ไม่เหมือนกันสักนิด ขืนบอกเขาก็จับโกหกได้น่ะสิครับองค์หญิง นี่ขนาดทาตัวให้กรำแดดลมแล้วนะ ความสวยขององค์หญิงยังเตะตาพวกหนุ่มๆได้อีก สงสัยวันพรุ่งนี้ผมคงต้องทาหน้าองค์หญิงให้ดำจนเห็นแต่ลูกกะตาแล้วล่ะมั้งครับ”
“นี่ อย่าทำอย่างนั้นเชียวนะ”
“ทำไมล่ะ กลัวไม่สวยเหรอ”
“เฮากลัวล้างไม่ออกต่างหาก”
“องค์หญิงครับ ผมใช้ไอ้สีนี้ทามาเป็นร้อยเป็นพันหนแล้วนะครับ ถึงจะล้างยาก แต่ก็ล้างออก แล้วความหล่อของผมก็ยังคงอยู่ ไม่ได้ถูกล้างออกไปด้วยอย่างที่องค์หญิงเห็นอยู่นี่แหละครับ”
“คนหลงตัวเอง”
“ถ้าไม่ให้หลงตัวเองจะให้หลงใครล่ะครับ หรือจะให้หลงองค์หญิง”
“บ้าหรือ จะมาหลงเฮาทำไม” เจ้าจ้อยยิ้มเขินอาย พสุหัวเราะออกมา
“ผู้หญิงนี่เป็นกันทุกคนรึเปล่านะ พอชมเข้าหน่อยก็ยิ้มแก้มปริเลย” เจ้าจ้อยหุบยิ้มทันที ทำเป็นบึ้งใส่
“ไม่เอาสิครับ ยิ้มดีกว่า ผมดีใจที่เห็นองค์หญิงยิ้มได้ ในสถานการณ์ลำบากแบบนี้คนเราถ้ากำลังใจดีก็จะมีแรงสู้ เพราะกว่าจะถึงชายแดนไทยก็ยังเดินทางอีกไกล ไปครับ ...เรารีบเดินกันดีกว่า”
พสุยื่นมือให้จับ แต่เจ้าจ้อยตีมือเขาบอกว่าตอนนี้ไม่มีใครเห็น ไม่ต้องเล่นให้สมบทบาทตลอดเวลาก็ได้ พูดจบก็เร่งฝีเท้าเดินนำ พสุก้าวตามพลางพูดหยอกเย้า
“รอด้วย...นางเจิ่ง”
เจ้าจ้อยไม่ได้หันมา แต่แอบยิ้มมีความสุข... บรรยากาศอบอวลด้วยมิตรภาพที่ทำให้ความรักเบ่งบาน
ooooooo