ตอนที่ 12
เมื่อพลังของผีเจ้าฟ้าทิพฉายอ่อนแรง ชาดาพลอยหายป่วยไปด้วย สายวันนี้เธอตื่นขึ้นสีหน้าสดใส ตุ้มซึ่งเฝ้าไข้พี่สาวปรี่เข้ามาถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง เธอไม่ตอบ ได้แต่มองไปรอบๆห้อง ดีใจที่ไม่เห็นผีสมชาย
“หายไปแล้ว...ผีผู้ชายหายไปแล้ว”
“ตลกแล้วพี่ ผีมีที่ไหน” ตุ้มเห็นเป็นเรื่องขำขัน ขณะที่ชาดาโล่งใจที่ไม่มีผีมาตามเฝ้า
ooooooo
ผีเจ้าฟ้าทิพฉายพิงหน้าต่างห้องตัวเองอย่างอ่อนแรงเต็มที มองข้อมือที่มีรอยไหม้จากฤทธิ์ของแก้วสุริยกานต์พร้อมกับตัดพ้อทำไมเทพถึงต้องมาขัดขวางความรักของตัวเองด้วย แล้วมองขึ้นไปบนฟ้า
“ถ้าข้าต้องตายอีกครั้งเพื่อรักษาความรัก ข้าก็จะได้รู้ว่าโลกนี้ไม่เคยมีความยุติธรรมสำหรับข้า” ผีเจ้าฟ้าทิพฉายหวั่นใจไม่น้อยกับการกลับมาของรวิปรียาและแก้วสุริยกานต์ที่พร้อมทำลายเธอได้ทุกเมื่อ...
ณ ห้องพักฟื้นผู้ป่วย ผกาเห็นรวิปรียามาเยี่ยมคุณหลวงหลังจากหายหน้าไปหลายวันจึงปล่อยให้
ทั้งคู่ได้คุยกันตามลำพัง คุณหลวงรอจนผกาพ้นไปแล้ว จึงถามรวิปรียาว่าที่กลับมาครั้งนี้เพื่อมาช่วยห้ามภาธรไม่ให้แต่งงานกับผีเจ้าฟ้าทิพฉายใช่ไหม เธอยอมรับว่าใช่ เธอพยายามห้ามเขาแล้วแต่เขาไม่ฟัง ท่านจะไม่ยอมเสียลูกชายไปเด็ดขาด ท่านจะไม่ออกจากโรงพยาบาล อย่างน้อยคงพอประวิงเวลาได้บ้าง
“หนูมีแก้วสุริยกานต์ค่ะ ทิพฉายกำลังเจ็บเพราะโดนแก้วสุริยกานต์”
“ต้องทำให้อำนาจทิพฉายลดลงอีก”
“ทิพฉายได้อำนาจจากคุณหญิงทรงศิริ อะไรที่ท่านนายพลกับคุณหญิงทรงศิริกำลังทำอยู่มันไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ” รวิปรียาสีหน้าเป็นกังวล อยากรู้นักว่าสองผัวเมียคิดจะทำเรื่องเลวร้ายอะไรอีก...
ทรงศิริเอามืออังหน้าผากหลานสาว รู้สึกว่าไข้ลดลงก็เบาใจขึ้น แต่ไม่วายโทษภาธรว่าเป็นต้นเหตุให้หลานต้องเป็นแบบนี้ ดังนั้นเขาต้องรับผิดชอบ อรณีขอร้องท่านให้เลิกคิดเรื่องจับคู่ภาธรกับปริตตาได้แล้ว ไม่ว่าเธอจะอ้อนวอนอย่างไร ทรงศิริก็ไม่ยอมล้มเลิกความคิดเรื่องนี้ แถมยังพาลด่าว่าเธอที่มีผัวผิดจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ไม่มีเงินทอง ไม่มีหน้าตา ดักดานไปจนตาย ท่านจะไม่ยอมให้หลานของท่านเป็นแบบเธอเด็ดขาด
อรณีถึงกับน้ำตาร่วงที่ถูกแม่ดูถูก อีกทั้งยังทุกข์ใจอย่างหนักที่เข้าไปยุ่งกับชีวิตลูกสาวตัวเองไม่ได้
ooooooo
เช้าวันรุ่งขึ้น อรณีชวนสารัชไปถวายสังฆทานที่วัด หลังพระสงฆ์สวดให้พรเสร็จ สองผัวเมียเข้าไปกราบพระประธานในโบสถ์เพื่อเป็นสิริมงคล สารัชชวนอรณีย้ายออกจากบ้านทรงศิริไปหาที่อยู่ที่อื่น พาลูกไปอยู่ต่างจังหวัดไปให้ไกลๆหน่อย