ตอนที่ 10
ทิพฉายอย่างไม่เกรงกลัว พร้อมกับบอกว่าตนจะไม่ตายเพื่อความรักความเสน่หา แต่จะยอมตายเพื่อความดี
ฝ่ายหลังไม่พอใจที่อีกฝ่ายกล้าหือคว้าคอบีบ รวิปรียาพยายามขอร้องให้เธอล้มเลิกความคิดที่จะอยู่กับภาธรเพราะนั่นเท่ากับการก่อบาปกรรมเพิ่มขึ้น
“ใครก็แยกข้าจากคนรักอีกไม่ได้”
“ได้สิ เธอจะต้องรอคอยภาธรอีกหลายชาติ เธอจะต้องวนเวียนอยู่ที่นี่เพราะบาปที่ก่อไว้กับทุกคน เธอต้องอยู่ที่หนองพรายไม่มีวันไปสู่ภพภูมิที่ดีที่สูงขึ้น
ไม่มีวันสมหวังกับภาธรอีก” คำพูดของรวิปรียาทำให้ผีเจ้าฟ้าทิพฉายของขึ้นบีบคอศัตรูหนักมือขึ้นจนหายใจติดขัด ก่อนเธอจะขาดใจตายวิญญาณปริตตามาช่วยเอาไว้
“ไป...รวิปรียาหนีไป” วิญญาณปริตตาตะโกนลั่น
วิญญาณกับผีร้ายต่อสู้กัน วิญญาณฝ่ายดีสู้ไม่ได้ถูกผีร้ายใช้พลังอัดกระเด็นกระแทกผนัง รวิปรียาเห็นท่าไม่ดีร้องเรียกสินีวาลีให้ช่วย พลันมีแสงสว่างสาดใส่หน้าผีร้ายแสบร้อนไปทั่วร่างล้มลงดิ้นทุรนทุราย รวิปรียาเข้าไปค้นหาแหวนพญานาคเจอห้อยคออยู่จะคว้า ผีร้ายไม่ยอมง่ายๆตบเธอกระเด็น รวิปรียาบอกสินีวาลีให้ทำลายแหวนวงนั้น ปริตตาจะได้ร่างคืน ผีร้ายโกรธจัดใช้อำนาจปลุกอสุรกายขึ้นมาจากนรก
“ใครที่ขวางข้า มันจะไม่มีลมหายใจ” ผีเจ้าฟ้าทิพฉายใช้อำนาจมืดบันดาลให้เกิดลมพัดแรงกระแทกรวิปรียากับวิญญาณปริตตากระเด็นไปคนละทิศละทาง ส่วนสินีวาลีถูกอสุรกายล้อมเอาไว้
คุณหลวงไพรัชที่กำลังสวดมนต์แผ่เมตตาเพื่อช่วยรวิปรียาอยู่ที่บ้านตัวเองเหมือนถูกแรงกระแทกไปด้วย จุกอกกระอักออกมาเป็นเลือด ผกาถือน้ำมะตูมเข้ามาเห็นท่านมีเลือดหยดจากปากตกใจของในมือหล่น...
ผีเจ้าฟ้าทิพฉายต่อว่าสินีวาลีว่านี่ไม่ใช่เรื่องอะไรของเทพ ไล่ให้ไปจากที่นี่แล้วอย่าลงมายุ่งกับโลกมนุษย์ รวิปรียาพยายามขอร้องสินีวาลีไม่ให้กลับสวรรค์ให้อยู่ช่วยปริตตาก่อนแต่เธอไม่ฟังหายตัววับไป อสุรกายที่รายล้อมเธออยู่พลอยหายไปด้วย บนเรือนไทยจึงเหลือแค่ผีเจ้าฟ้าทิพฉาย รวิปรียาและวิญญาณปริตตา
“ปริตตาเจ้าไม่มีวันได้ร่างนี้คืน เจ้าต้องหายไป หายไปตลอดกาล” ผีเจ้าฟ้าทิพฉายใช้พลังสุดแรงเล่นงานวิญญาณปริตตาไฟลุกท่วมร่างก่อนจะหายวับไป...
คุณหลวงไพรัชหายใจติดขัดบอกผกาที่ประคองตัวเองไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นช่วยปริตตาด้วย อย่าให้หนองพรายเป็นของเธอ ผกางงว่าท่านหมายถึงเธอคนไหน ท่านย้ำอีกว่าอย่าให้เธอเอาภาธรไป พูดได้แค่นั้นท่านสำลักเลือดออกมาแล้วแน่นิ่งไป ผกากรีดร้องด้วยความตกใจ...