ตอนที่ 10
ปาลเข็นรถเข็นที่วิษณุนั่งเข้ามาหาฝนกับเดือนที่ร้องไห้ฟูมฟายเสียใจกับการจากไปไม่มีวันกลับของยุพดี แม้วิญญาณยุพดีหรือแม่เยื้อนในชาติปางก่อนจะออกจากร่างแล้ว แต่ก็ไม่ได้ไปไหนไกล ยังคงยืนมองร่างตัวเองอยู่กับผีหยาด มีเพียงวิษณุคนเดียวเท่านั้นที่เห็นทั้งคู่ ผีหยดที่เดินตามมาเห็นแม่ที่ตัวเองสาปแช่งตายสมใจกลับไม่ได้รู้สึกยินดีแม้แต่น้อย วิญญาณยุพดีบอกกับผีหยดว่าเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“ฉันรู้ว่าหนูคงไม่มีทางอภัยให้แม่อย่างฉัน ในสิ่งที่อดีตฉันได้เคยกระทำ แม้แต่ความตายฉันยังมิรู้ว่าเพียงพอไหมที่จะชดใช้ความผิดบาปที่แม่คนหนึ่งได้ฆ่าและสาปแช่งลูกตัวเอง แต่หากความตายมันพอจะแลกกับอะไรได้บ้างฉันขอให้ทุกคำสาป ทุกบ่วงกรรมที่ร้อยรัดเราไว้ทุกคนสิ้นสุดลงเสียทีเถิด” ยุพดีเดินเข้าไปโอบฝนกับเดือนที่ไม่ได้รับรู้อะไรด้วย “แม่ต้องไปแล้ว ฝนฝากน้องด้วยนะลูก รักน้องให้มากๆนะ”
ผีหยดยังคงยืนนิ่งไม่แม้แต่คุกเข่าขอขมาลาโทษ วิษณุเตือนเธอนี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว ยุพดีมองผีหยดเป็นครั้งสุดท้ายยิ้มให้ไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทน ผีหยดแพ้ความอ่อนโยนของแม่ แต่ความแค้นทำให้ไม่ยอมรับ
“หากแม้นมีสักชาติที่เราจะได้กลับมาเป็นแม่ลูกกัน ฉันจะไม่มีทางทำให้หนูเกลียดฉัน...ฉันสัญญา”
ผีหยดในร่างรินกำลังจะคุกเข่าแต่วิญญาณยุพดีหายไปเสียก่อน ขาที่ย่อลงกลายเป็นร่างรินล้มฟุบไปตรงนั้นปาลรีบประคองไว้ พยาบาลกันญาติทั้งหมดออกไปข้างนอกเหลือเพียงผีหยดกับร่างไร้วิญญาณของยุพดี เธอร้องไห้ตัวโยนมองศพแม่ แต่ไม่มีคำขอขมาใดๆออกมา
ooooooo