ตอนที่ 10
ด้านผีหยดยืนข้างเตียงคนป่วย มองด้วยแววตาเหี้ยม เดือนเห็นท่าทางแปลกๆของอีกฝ่ายมองไม่ค่อยไว้ใจ เดินเลี่ยงไปนั่งโซฟาแต่สายตายังจับจ้องไปที่ผีหยดในร่างริน ผีหยาดเข้ามายืนข้างๆพี่สาว
“พี่กราบขอขมาแม่เถิด เรื่องที่ขังพวกเราเอาไว้ในบ่วงนี้ทั้งหมดจักจบลงเสียที เมื่อใดที่ทุกอย่างหมดสิ้น แม่ ฉันแล้วก็พี่จักได้ไปเกิดในภพใหม่เป็นครอบครัวเดียวกันอีกไงจ๊ะ”
“ข้าคิดถึงท่านมากเหลือเกิน ข้าจดจำได้ดีทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านทำกับข้า คำสาปที่ขังข้าไว้ในเรือนนรกนั่นชั่วกัปชั่วกัลป์ แต่ท่านเห็นหรือไม่ สุดท้ายข้าก็หนีออกจากเรือนวนาเทพจนได้” ผีหยดแผดเสียงหัวเราะดังลั่น ร่างยุพดีสั่นสะท้านตอบสนองต่อคำพูดของเธอ ชีพจรเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เดือนถลาเข้ามาจับตัวรินที่ถูกผีหยดสิง
“ริน เธอเป็นอะไรเธอพูดอะไรของเธอคนเดียว”
ผีหยดในร่างรินผลักเดือนพ้นทาง สั่งห้ามมาแส่อะไรที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง เดือนตกใจทำไมรินเป็นแบบนี้ ผีหยาดตระหนักทันทีว่าโดนพี่สาวหลอกให้เชื่อว่าสำนึกได้แล้ว ที่แท้การสิงร่างรินครั้งนี้ก็เพื่อจะแก้แค้นแม่ เดือนเห็นท่าไม่ดีไล่รินให้ออกจากห้อง เพราะทำให้แม่ตกใจชีพจรเต้นเร็วแล้วเข้าไปกันเธอให้อยู่ห่างๆ
ท่าน ผีหยดในร่างรินไม่พอใจผลักเดือนกระเด็น ผีหยาดโมโหพี่สาวตัวเอง
“เหตุใดพี่จึงกระทำเยี่ยงนี้ ฉันเที่ยวกราบกรานขอร้องคุณพระ แม่ริน เพราะเชื่อหมดหัวใจว่าพี่สำนึกในบาปกรรมทั้งหมดแล้ว หัวจิตหัวใจพี่ทำด้วยอะไร”
“เอ็งคิดว่าข้าอุตส่าห์หลอกล่อใช้กลลวงมากมายเพื่อรักจักมาดูหน้ามันรึ ข้าแค่อยากมาดูน้ำหน้าตอนมันรู้ว่าต้องตายเพราะน้ำมือลูกชังอย่างข้า” คำพูดของผีหยดทำให้ชีพจรของยุพดีวิ่งเร็วจี๋ ผีหยาดยังไม่ถอดใจคลานเข้าไปจับข้อเท้าพี่สาวไว้ ขอร้องอย่าทำให้ทุกอย่างเลวร้ายไปกว่านี้
“เรารู้กันดีแก่ใจ มีดพลั้งพลาดไปในคืนนั้น มันมิใช่ความตั้งใจของแม่มิแต่น้อย เฉกเช่นเดียวกับที่พี่พลั้งมือทำให้แม่ต้องเป็นเยี่ยงวันนี้ แม่รักพี่มากเหลือเกินนะพี่หยด”
“เอ็งกำลังพูดถึงความรักรึ แม่ที่ฆ่าลูก สาปลูกไม่ให้ไปเกิดทุกภพทุกชาติอย่างมันจักรู้ความรักได้เยี่ยงใด” ผีหยดน้ำตาไหลพราก ย่างสามขุมเข้าหายุพดี เดือนตกใจเข้าไปผลักผีหยดออกห่าง
“รินเธอมันบ้าไปแล้ว ช่วยด้วย...ช่วยด้วยค่ะ” เดือนตะโกนลั่น “ริน...จะทำอะไรแม่ฉัน”
“กูจักทำให้มันรู้ว่ากูทุกข์ทรมานมาเนิ่นนานแค่ไหน” ผีหยดขบกรามแน่นด้วยความแค้น ยิ่งคิดถึงตอนที่ตัวเองถูกสาปให้อยู่แต่ในห้องใต้ดินไม่ได้ไปผุดไปเกิดตั้งแต่สมัย ร.5 จวบจนบัดนี้นับเวลาได้กว่าร้อยปีก็ยิ่งแค้น