ตอนที่ 15
เฟื่องลดาทานอาหารเสร็จก็ไปหาทัฬห์ที่ห้องทำงานชั้นล่าง ทัฬห์หยิบเช็คที่เซ็นแล้วยื่นให้ เฟื่องลดามองเช็ค ถามอย่างน้อยใจว่า
“คุณเรียกฉันเข้ามา เพื่อมาเอาเงินเหรอคะ” ทัฬห์บอกว่าเอาไปเข้าธนาคารไว้ มีความจำเป็นต้องใช้อะไรจะได้ไม่ติดขัด “ไม่ต้องหรอกค่ะ คุณให้ฉันมามากแล้ว ต่อไปนี้ฉันขอดูแลตัวเองนะคะ”
“ทำไม เธอกลัวฉันจะทวงบุญคุณทีหลังรึไง” เฟื่องลดาบอกไม่ใช่ แต่พอจะอธิบาย ทัฬห์ก็ชิงพูดก่อนว่า “เธออยากดูแลตัวเองก็ทำได้เลยเธอมีสิทธิเสรีภาพที่จะทำได้ทุกอย่าง แต่นี่เป็นหน้าที่ของฉัน คิดว่าเป็นครั้งสุดท้ายก็แล้วกัน ที่ฉันจะได้ดูแลเธอตามที่รับปากกับคุณเฟื่องไว้ รับไปซะ”
เฟื่องลดายกมือไหวรับเช็คไปอย่างไม่เต็มใจนัก ทัฬห์พูดออกตัวว่า
“ฉันไม่คิดว่าเธอจะไปวันนี้ พอดีฉันติดประชุม เดี๋ยวให้เปี๊ยกไปส่งก็แล้วกันนะ” เฟื่องลดาบอกว่า ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่วินกับยัยกานจะมารับ ทัฬห์สะอึกอึ้งข่มความรู้สึกฝืนยิ้ม แต่น้ำเสียงก็ยังปร่าแปร่ง “อ๋อ...ฉันลืมไปว่าเธอมีพี่วินคอยดูแลอยู่ทั้งคน งั้นฉันไปก่อนนะ ขอให้โชคดี เฟื่องลดา”
ทัฬห์เดินผ่านเฟื่องลดาเปิดประตูออกไป เธอหันมองเขาด้วยสายตาตัดพ้อน้อยใจ พึมพำ...
“คุณไม่คิดที่จะรั้งฉันไว้สักนิดเลยเหรอคะคุณทัฬห์”
เมื่อทัฬห์ออกมาขึ้นรถขับออกไปแล้วจอดที่นอกรั้ว มองกลับมาที่ตัวตึกพึมพำด้วยสีหน้าผิดหวัง “เธอไม่มีเยื่อใยกับฉันเลยจริงๆนะเฟื่องลดา ถึงได้รีบร้อนที่จะไปขนาดนี้...”
ทัฬห์ตัดใจ ข่มใจ ทำใจเข้มแข็งแล้วขับรถออกไป
ooooooo
ขณะที่สร้อยสนเก็บข้าวของเสื้อผ้าของสร้อยทองใส่กล่องอยู่นั้น จู่ๆเฟื่องลดาก็โผล่เข้าไปถามว่าทำอะไรอยู่ สร้อยสนบอกว่าเก็บของของแม่เตรียมไปบริจาคแม่จะได้บุญด้วย ถามอย่างแปลกใจว่า
“ว่าแต่รู้ได้ไงว่าพี่กำลังเหงา ขอบใจนะที่อุตส่าห์มา คุณทัฬห์ไม่ได้มาด้วยเหรอจ๊ะ”
“ลดามาแท็กซี่ค่ะ เดี๋ยวนะคะ” พูดแล้วเดินไปหน้าบ้านลากกระเป๋าเดินทางสองใบเข้ามา
สร้อยสนดีใจถามว่าเอากระเป๋าเสื้อผ้ามาด้วยหรือ มาค้างใช่ไหม ดีเลยจะได้คุยกันให้หายคิดถึง เอะใจที่เห็นกระเป๋าใหญ่สองใบถามว่าทำไมเอาเสื้อผ้ามาเยอะจัง พอเฟื่องลดาบอกว่าตนจะย้ายกลับมาอยู่ที่นี่เลยก็ตกใจถามว่าเกิดอะไรขึ้นหรือ
“อย่าถามอะไรลดาอีกเลยนะคะ ทุกอย่างมันจบแล้ว”
เฟื่องลดาตอบเสียงเศร้าหน้าซึม โผกอดสร้อยสนร้องไห้ออกมา สร้อยสนลูบผมน้องปลอบโยน
“โอเคจ้ะ พี่จะไม่ถามอะไรอีกแล้ว อยากร้องก็ร้องออกมาเลย แล้วถ้าลดาพร้อมที่จะเล่าให้พี่ฟังเมื่อไหร่พี่ก็พร้อมจะรับฟังเสมอ”
“ขอบคุณค่ะพี่สน”
สร้อยสนกอดปลอบเฟื่องลดาด้วยความรักเหมือนน้องแท้ๆ
ตกเย็น สร้อยสนเห็นเฟื่องลดาออกไปนั่งเศร้าเหงาและเช็ดน้ำตาป้อยๆอยู่ที่โต๊ะสนามหน้าบ้าน สร้อยสนยืนมองด้วยความเป็นห่วงมาก
ตกกลางคืน สร้อยสนไปเคาะประตูห้องเฟื่องลดา แต่เงียบไม่มีเสียงตอบรับจึงเปิดประตูที่ไม่ได้ล็อกเข้าไป กวาดตามองจนทั่วก็ไม่เห็นเฟื่องลดา มองหาอีกจึงเห็นเฟื่องลดายืนหันหลังให้อยู่ที่ระเบียง เหม่อมองท้องฟ้าเศร้าๆ สร้อยสนถอนใจเบาๆอย่างไม่สบายใจ...
ooooooo