ตอนที่ 10
อลิซพูดไม่ทันจบดวินก็โพล่งแทรก กลัวเธอสารภาพสิ่งที่เขายังไม่อยากได้ยิน
“กระหม่อมยังพูดไม่จบพระเจ้าค่ะ...ที่กระหม่อมยังยืนยันจะแต่งงานเพียงครั้งเดียวเพราะกระหม่อมไม่นับการแต่งงานของเรา มันเป็นการแต่งงานในหน้าที่ ไม่ได้แต่งเพราะความรัก การแต่งงานครั้งนี้มันไม่ใช่การแต่งงานที่แท้จริง”
ดวินข่มใจพูดทั้งที่เจ็บปวดแต่ต้องเก็บอาการ อลิซช็อกมากมองมาด้วยความผิดหวังรุนแรง
“ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านมาถึงวันนี้...ตอนนี้...ก็ยังไม่มีความรัก...มันไม่มีจริงๆเหรอ”
“ความรักเพียงสิ่งเดียวที่กระหม่อมมีคือรักในหน้าที่...มีเพียงเท่านั้นพระเจ้าค่ะ”
อลิซเจ็บจี๊ดแทบล้มทั้งยืน ย้อนถามเสียงแผ่ว
“แล้วที่นายบอกว่าจะเก็บความทรงจำของนารีเอาไว้...”
“นารีไม่มีตัวตนอยู่จริงๆพระเจ้าค่ะ”
“นายพูดอะไรของนาย”
ดวินปวดใจไม่ต่างกันแต่จำต้องตัดใจ “มันเป็นความจริงที่เราต่างก็รู้...ทุกอย่างเกี่ยวกับนารีมันไม่เป็นความจริง ความจริงก็คือกระหม่อมคือนายทหารคนหนึ่งและพระองค์คือเจ้าหญิงแห่งฮรีสอซ พระองค์เป็นรัชทายาทที่กำลังขึ้นเป็นองค์ราชินีปกครองประเทศและประชาชน ถึงเวลาที่เราสองคนจะต้องแยกกันเพื่อกลับไปทำหน้าที่ตัวเอง เรื่องของนารีถ้าเป็นไปได้พระองค์ควรจะลืมเพราะกระหม่อมเองก็จะไม่จำ”
อลิซน้ำตาไหลพราก คำพูดเตือนสติของเขาทำให้หัวใจอ่อนแรง ดวินสะเทือนใจไม่ต่างกันแต่หน้าที่ทั้งในฐานะทหารและลูกชายทำให้ต้องข่มใจโค้งต่ำคำนับราชนิกุลสาวเป็นครั้งสุดท้าย
“กระหม่อมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ถวายการอารักขา ขอให้พระองค์ทรงเดินทางกลับประเทศฮรีสอซอย่างปลอดภัยพระเจ้าค่ะ หมดหน้าที่แล้ว...กระหม่อมขอทูลลา”
ooooooo
แพนที่รอด้านนอกตกใจมากเมื่อเห็นศักดิ์ชายพร้อมขบวนส่งเสด็จเจ้าหญิงอลิซมากันพร้อมหน้า ดวินไม่ได้บอกเธอว่าเตรียมแผนนี้กับศักดิ์ชายให้ตามมาสมทบและเลื่อนกำหนดการเสด็จกลับให้เร็วขึ้น
ดวินยังคุกเข่าคำนับในโบสถ์ อลิซต้องผละมาทั้งน้ำตาจนเมื่อเจอศักดิ์ชายจึงปาดทิ้ง
“กระหม่อมมารับเสด็จ ทั้งรถและเครื่องบินพร้อมนำเสด็จกลับสู่ฮรีสอซแล้วพระเจ้าค่ะ”
อลิซพยักหน้าก่อนหันไปพูดกับดวินที่เดินตามมา “ขอบใจนายมากที่ทำให้เรากลับฮรีสอซได้อย่างไม่มีห่วงและไม่มีความทรงจำใดๆหลงเหลืออยู่ที่นี่ อย่างที่นายบอกทุกอย่างที่เกิดขึ้น...มันไม่ใช่ความจริง!”
ดวินกับอลิซต้องจากกันจริงๆหลังจากนั้น แพนจับต้นชนปลายไม่ถูกแต่กระนั้นก็ไม่กังวลมากเท่าเรื่อง อลันที่หายตัวไปอย่างลึกลับ เคธรู้เรื่องน้องชายคนละแม่ก็แกล้งร้อนรนด้วยความเป็นห่วง คิงเฮนรี่ต้องปลอบให้ใจเย็น