ตอนที่ 15
มีภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าตากสินชูดาบขึ้นท้องฟ้าอย่างอาจหาญ พร้อมคำบรรยายว่า
“ซึ่งรวมระยะเวลาเพียง 7 เดือนนับแต่เสียกรุงก็สามารถกอบกู้บ้านเมืองกลับมาได้สำเร็จ ก่อนจะทรง ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ ทรงพระนามว่า ‘สมเด็จพระบรมราชาที่ 4’ แต่คนทั่วไปก็ยังนิยมเรียกพระองค์ว่า ‘สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช’ มาจนทุกวันนี้”
ooooooo
ผ่านไปสองสัปดาห์...ที่ค่ายทหารอังวะ พระเจ้ามังระ เนเมียวสีหบดี และอะแซหวุ่นกี้ กำลังคุยแผนการรบกับจีนอยู่ในกระโจม ก็มีทหารเข้ามารายงานอย่างร้อนรนว่ากองทัพพระเจ้าตากตีทัพเราแตกกู้อโยธยาคืนไปแล้ว
พระเจ้ามังระโกรธมากหันเล่นงานเนเมียวสีหบดีทันที ไหนว่าทิ้งกองทัพไว้ดูแลอโยธยา แล้วเหตุใดจึงถูกกู้กลับคืนไปได้ในเวลารวดเร็วเช่นนี้
เนเมียวสีหบดีกลัวมากรีบคุกเข่ารายงานว่า ตนจัดทหารหนึ่งหมื่นคนไว้คอยควบคุมอโยธยา แต่ทหารหนึ่งหมื่นคนอาจไม่เพียงพอกับพื้นที่กว้างใหญ่ของอโยธยาก็เป็นได้
“ไม่กระมัง” อะแซหวุ่นกี้แย้ง “เราไม่ได้บุกยึด เพียงแต่คอยกวาดต้อนผู้คนแลทรัพย์สมบัติ หนึ่งหมื่นน่าจะเพียงพอแล้ว เจ้าเป็นทหารชาญศึกย่อมรู้ดี แต่ที่แพ้น่าจะเป็นเพราะฝ่ายตรงข้ามเก่งกาจกว่าที่คาดไว้มากกว่า เจ้าบอกมาตามตรงเถิดพระยาตากผู้นี้เป็นผู้ใด”
“พระยาตากผู้นี้เป็นทหารที่มารักษาอโยธยา แต่ระหว่างศึกได้หนีไป ข้าส่งคนออกตามล่าแล้ว แต่ก็ รบแพ้ทุกคราไป จนเห็นว่าไปไกลแล้วจึงไม่ได้สนใจอีกไม่คิดว่า...เอ่อ....”
“เจ้าประมาทน่ะสิถึงได้พลาดพลั้งเอาเช่นนี้ กว่าจะเอาชัยอโยธยาได้ เสียทั้งเวลา ทหาร แลทรัพย์สินไปเท่าใด ยังไม่คุ้มกับที่เสียไปก็ถูกเอาคืนกลับไปแล้ว” พระเจ้ามังระโมโหมาก
เนเมียวสีหบดีพนมมือไหว้ บอกว่าตนผิดไปแล้วทรงโปรดให้อภัยด้วย อะแซหวุ่นกี้ก็ช่วยพูดว่า
“ขอเดชะ พระอาญาไม่พ้นเกล้า จะทรงโทษเนเมียวสีหบดีอย่างเดียวก็ไม่ควร ด้วยพระยาตากผู้นี้เลือกที่จะฉวยโอกาสตอนเราติดศึกจีนกู้อโยธยาก่อน แทนที่จะตั้งตนเป็นก๊กเป็นเหล่าเหมือนผู้อื่น แสดงถึงสายตาที่ยาวไกลนัก อีกทั้งยังเชี่ยวชาญการศึก สามารถเอาชัยทัพเราได้ คนเช่นนี้ใช่จะรับมือได้โดยง่าย”
พระเจ้ามังระคล้อยตามอะแซหวุ่นกี้ ถามทหารที่มารายงานว่าหลังจากยึดอโยธยากลับไป พระยาตากผู้นี้ได้ทำอย่างไรบ้าง ทหารรายงานว่าพระยาตากได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์ คนทั้งปวงเรียกพระนามว่า “สมเด็จพระเจ้าตากสิน” พระเจ้ามังระฟังแล้วขบกรามทุบโต๊ะคำราม
“พระเจ้าตากสิน รอข้าเสร็จศึกกับจีนก่อนเถิด แล้วเราจะได้เห็นดีกัน”
ooooooo