ตอนที่ 15
ทันใดนั้นขันทองก็ไอโขลกๆเบาๆ ทุกคนตะลึงงัน ขันทองหันมองแมงเม่าดุ
“เจ้าตัวดี ฉันเจ็บเจียนตายยังทุบตีฉันอีก เจ้าคนไม่มีหัวใจ”
แมงเม่าร้องไห้โฮโผกอดขันทองไว้ด้วยความดีใจสุดชีวิต ขันทองนิ่งไปอย่างครุ่นคิดถึงความฝันที่แม่บอกกับตนก่อนจากมาว่า
“ฟังแม่นะพ่อขันทอง พ่อขันทองมีชีวิตเป็นของตนเองแล้ว มิจำเป็นต้องไปกับพ่อแม่ดอก ขอให้ลูกจำไว้ว่า ความรักของพ่อกับแม่จะอยู่กับลูกตลอดไป”
“กลับไปเถิด คนที่รักเจ้าไม่ได้มีแค่พ่อกับแม่เท่านั้น กลับไปเพื่อพวกเขาและเพื่อตัวเจ้าเอง”
ขันทองก้มกราบเท้าพ่อกับแม่ ขุนทองเอื้อมมือลูบหัวลูกอย่างเอ็นดูรักใคร่
ขันทองหันมองแมงเม่าที่กอดตนร้องไห้ดีใจอยู่ ยกมือลูบหัวแมงเม่าอย่างทะนุถนอมด้วยความรักหมดหัวใจ...
ooooooo
ผ่านมาสองเดือน ขันทองอาการดีขึ้นจนลุกเดินได้แล้ว แมงเม่าบอกว่าอีกไม่นานคงกลับไปจับดาบจับปืนได้แล้ว
“สมพรปากเถิดเจ้า พระองค์ท่านกำลังเร่งต่อเรืออยู่ พ้นหน้ามรสุมเมื่อใดก็คงยกกลับไปกู้อโยธยาตามแผนที่วางไว้ ฉันอยากจะหายทันตอนนั้น อย่างน้อยจะได้เป็นกำลังให้พระองค์ท่านได้บ้าง”
ขันทองเห็นแมงเม่ามองไปที่ทะเลถามว่าเจ้าชอบทะเลรึ ถ้าต่อไปยกเรือนมาปลูกริมทะเลดีหรือไม่
“ฉันอยู่ที่ใดก็ได้ ขอเพียงได้อยู่พร้อมหน้ากันเท่านั้นก็พอ” ฉุกคิดได้ถามว่าแล้วพี่ถามเรื่องปลูกเรือนทำไม ขันทองตอบเขินๆว่าปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่มิใช่รึ แล้วจะไม่ถามเจ้าได้อย่างไร
แมงเม่าเขินบอกว่า “ฉันจำได้ พี่บอกว่าได้บ้านเมืองกลับมาเมื่อใดถึงจะพูดเรื่องนี้ไม่ใช่หรือเจ้าคะ”
ขันทองกุมมือแมงเม่าขึ้นมาถาม
“ฉันเกือบตายนะเจ้า หากวันนั้นตายไปคงไม่มีโอกาสได้กุมมือเจ้าเช่นนี้ ฉะนั้นฉันไม่อยากรออีกแล้ว ฉัน...เอ่อ...พี่อยากได้เจ้ามาเป็นศรีเรือนของพี่ เจ้าจะว่าอย่างไร”
แมงเม่าเขินอาย พูดเบาๆว่า “พี่ขันทองอยากให้ฉันว่าอย่างไร ฉันก็จะว่าเช่นนั้นเจ้าค่ะ”
เมื่อต่างเปิดใจกัน ขันทองรวบร่างแมงเม่าเข้าไปกอด แมงเม่าปล่อยไปตามใจปรารถนาของกันและกันซบหน้ากับแผงอกอุ่นของขันทองอย่างมีความสุข
ooooooo
กาลผ่านมาจนมีบรรยายสรุปว่า...
“หลังจากหมดหน้ามรสุม สมเด็จพระเจ้าตากสินได้ทรงยกทัพจำนวน 5,000 เป็นทัพเรือออกจากเมืองจันทบูร ล่องมาตามฝั่งทะเลในอ่าวไทยจนถึงปากแม่น้ำเจ้าพระยา และยึดเมืองธนบุรีคืนจากอังวะได้ ก่อนจะยกทัพไปกรุงศรีอยุธยาและเข้าโจมตีค่ายโพธิ์สามต้น ขับไล่ทหารอังวะออกจากอาณาจักรได้สำเร็จ”