icon member

หนึ่งด้าวฟ้าเดียว

ตอนที่ 1

“พระเจ้าอลองพญาทรงแผ่ขยายอำนาจของกรุงอังวะ จนยึดครองได้ทั่วพุกามประเทศ กรุงศรีอยุธยาหวั่นเกรงในอำนาจของพระองค์มาก จึงให้การสนับสนุนมอญก่อกบฏต่อกรุงอังวะ พระเจ้าอลองพญาทรงพิโรธมาก มีพระราชสาส์นถึงกรุงศรีอยุธยาให้หยุดการสนับสนุน แต่กรุงศรีอยุธยาเพิกเฉยเสีย พระองค์จึงกรีธาทัพ 40,000 คน บุกกรุงศรีอยุธยาในเดือนธันวาคม พุทธศักราช 2302”

คืนหนึ่ง...ณ ชานเมืองอยุธยา...ทหารอังวะส่วนหนึ่งบุกเข้าเข่นฆ่าชาวบ้านอย่างโหดเหี้ยม อีกส่วนหนึ่งปล้นสะดมทรัพย์สินและเสบียงอาหาร ชาวบ้านบ้างหนีตายหัวซุกหัวซุน บ้างก็พยายามสู้แต่ก็ต้องถูกฆ่าตาย

เศรษฐีมิ่งในวัยห้าสิบแห่งบ้านนางเลิง พาชื่นกับแมงเม่าภรรยาและลูกสาววัย 12-13 หนีการบุกโจมตีของทหารอังวะอย่างหวาดกลัว โดยมีม่วงลูกชายคนโตวัย 22-23 ใช้ดาบสู้กับพวกอังวะ คุ้มกันให้พ่อ แม่เลี้ยง และน้องหนีอย่างกล้าหาญจนทหารอังวะกลุ่มนั้นถอยไป

ขณะมิ่งพาชื่นกับแมงเม่าหนีไปอีกทางนั้น ถูกทหารอังวะอีกกลุ่มหนึ่งกลุ้มรุมเข้ามา ม่วงจะเข้าช่วยก็ทะลวงเข้าไปไม่ได้ มิ่งชักดาบออกสู้แต่ถูกทหารอังวะถีบจนคว่ำ มันเงื้อดาบจะฟันมิ่งกับแมงเม่า

ทันใดนั้นเสียงโห่ร้องกึกก้องขึ้นจนทหารอังวะตกใจหันมอง เห็นขุนทองโจรใจฉกาจที่ทุกคนขยาดหวาดกลัวพาหาญและลูกน้องขี่ม้าบุกตะลุยเข้ามาช่วยชาวบ้าน ทหารอังวะตกใจหันไปสู้กับขุนทอง แต่ในที่สุดก็ถูกขุนทองฆ่าตายเป็นเบือ

“เสือขุนทอง...เฮ้ย...เสือขุนทองมาช่วยพวกเราแล้ว” มิ่งดีใจสุดชีวิตตะโกนบอกชาวบ้าน ชาวบ้านพากันคว้าดาบ มีดพร้ากระทั่งไม้คานเข้าร่วมต่อสู้กับพวกอังวะจนพวกมันหนีตายกันอลหม่าน หาญกับลูกน้องจะตามไป แต่ถูกขุนทองตะโกนห้าม

“ไม่ต้องตาม เรามีงานสำคัญต้องไปทำ อย่าพะวงให้เสียการ” แล้วขุนทองก็หันสั่งการชาวบ้าน “พวกเอ็ง จงหนีไปตามทางนี้ ที่ท้ายคลองมีค่ายของออกญาพลเทพตั้งอยู่ ออกญาท่านจะปกป้องพวกเอ็งทุกคนเอง”

สั่งการแล้ว ขุนทองก็ขี่ม้านำหาญและลูกน้องออกไป ชาวบ้านต่างโห่ร้องสรรเสริญเสือขุนทองเยี่ยงวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ ที่ช่วยชาวบ้านรอดพ้นจากการเข่นฆ่าปล้นสะดมของทหารอังวะที่เหี้ยมโหด

ooooooo

ที่ทางเดินในป่า...กองคาราวานทหารอังวะกำลังขนเสบียงและทรัพย์สินที่ปล้นสะดมจากชาวบ้านเป็นขบวนยาวเหยียด ทั้งแบกหามและใส่เกวียนเทียมวัว

ที่ริมทาง...ขุนทอง หาญ และลูกน้องกำลังซุ่มเตรียมบุกปล้นเสบียงเหล่านั้น หาญมองกองคาราวาน กระซิบกระหยิ่มกับขุนทองว่าเป็นไปตามข่าวที่ได้มาจริงๆ ถ้าเราทำลายเสบียงของพวกมันได้ คราวนี้คงตัดกำลังทัพอังวะได้โขอยู่ ขุนทองเขม้นมองไปในความมืดพึมพำว่า

“แต่ข้าว่ากองเสบียงครานี้ดูประหลาดนัก

เพียงแต่มันมืด ข้าเห็นไม่ถนัด จึงบอกไม่ได้ว่าประหลาดอย่างไร”

หาญติงว่าไม่เห็นประหลาดตรงไหน ก็เหมือนทุกคราวที่เราปล้นมา ลูกน้องเร่งให้รีบตัดสินใจ หากพ้นป่านี้ไปจะมีกองทหารของพวกมันรออยู่ เราคงหมดโอกาสปล้นแล้ว ขุนทองลังเลอึดใจก่อนตัดสินใจตะโกน

“อ้ายเสือ บุก!”

ขุนทองชูดาบกระโจนจากที่ซ่อนพร้อมกับหาญและลูกน้อง ทหารอังวะถูกซุ่มโจมตีตกใจตั้งรับกันอลหม่าน ถูกขุนทองกับพวกที่ฝีมือเหนือกว่าบุกตะลุยก็พากันหนีกระเจิง ขุนทองเดินไปที่เกวียนบรรทุกเสบียง รู้สึกแปลกๆจึงเดินมองไปรอบๆ พลันก็ตกใจคู้เข่าลงตรงล้อเกวียน จึงเห็นว่าล้อเกวียนไม่ได้กินดินลงไปเลย!

ขุนทองลุกขึ้นเปิดเสื่อที่คลุมเกวียนออก พบแต่ฟางข้าวไม่มีเสบียงอาหารเลยแม้แต่น้อย!

“หลงกลมันแล้ว รีบหนีเร็ว”

ขุนทองตะโกนก้อง แต่ช้าไปแล้ว ทหารอังวะจำนวนมากกรูกันเข้าห้อมล้อมขุนทองกับพวกทันที ขุนทองนำหาญกับลูกน้องบุกทะลวงวงล้อมของทหารอังวะเปิดทาง พลางตะโกน “ตามข้ามา” แต่เพราะทหารอังวะมากกว่าจึงต้านขุนทองไว้ได้

พระราชบุตรมังระ พระราชโอรสองค์ที่ 2 ของพระเจ้าอลองพญา ยืนทอดพระเนตรการต่อสู้อยู่ ชี้ไปที่ขุนทองถามทหารว่า “นั่นน่ะรึ อ้ายเสือขุนทอง”

“ใช่แล้วพระพุทธเจ้าข้า อ้ายเสือขุนทองคนนี้มันเป็นโจรใหญ่แต่กลับใจมาช่วยอโยธยารบ หลายวันมานี่ มันทั้งซุ่มโจมตี ทั้งเผาทำลายเสบียงของเราจนเสียหายไปไม่น้อยพระพุทธเจ้าข้า”

หนึ่งด้าวฟ้าเดียว

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด