ตอนที่ 9
เสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงเหมือนจะรับรู้ถึงคำสาปแช่งของแม่เยื้อน...
ผีหยาดตกใจมากจนต้องปล่อยมือแม่ เพิ่งรู้ว่าที่พี่หยดไปผุดไปเกิดไม่ได้เพราะถูกแม่สาปไว้นี่เอง
“ที่พี่หยดถูกขังในเรือนจวบจนบัดนี้ เป็นเพราะยังมิเคยสำนึกในผลกรรมของตัวเอง มิใช่เพราะคำสัญญาของคุณพระ” ผีหยาดมองแม่เยื้อนที่ดวงตากระตุกด้วยความเครียด
ooooooo
รินกับปาลอยู่ตรงต้นไม้ที่เป็นจุดเกิดเหตุ ต่างไม่รู้ว่าเกิดเรื่องเลวร้ายกับยุพดีได้อย่างไร ปาลมองไป รอบๆต้นไม้อย่างไม่แน่ใจ
“เอาจริงๆนะคุณ ถึงตอนนี้ผมก็ไม่มั่นใจอะไรอีกแล้ว ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในกองที่คุณตกนั่งร้านแขนหัก ที่รถคุณเกือบคว่ำว่ามันเป็นอุบัติเหตุหรือ...” ปาลพูดไม่ทันจบ พาไลเดินถือถุงใส่ขนมเข้ามาเสียก่อน
“ต้นบอกพี่เรื่องแม่น้องเดือน อันตรายจริงๆนะคะแล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไงคะเนี่ย หรือว่าฝีมือผีนางหยาดอาละวาดคะ”
“ไม่หรอกมังคะ คงจะเป็นอุบัติเหตุน่ะค่ะ”
“เหรอคะ พี่ว่ามันรุนแรงไปรึเปล่า ตอนน้องรินแขนหักนั่นก็ทีหนึ่ง แล้วตอนรถเกือบคว่ำนั่นอีก” พาไลเห็นสายตาจ้องจับผิดของปาลก็ชะงัก “เอ่อ พี่ก็แค่เป็นห่วงน่ะค่ะ ก็เล่นกันถึงจะเอาชีวิตคนในกองแบบนี้ คนปกติไม่น่ามีใครคิดทำนะคะ คนในกองพี่น้องกันทั้งนั้น ยังไงก็ระวังตัวกันหน่อยนะคะ พาไลเป็นห่วงจริงๆ เดี๋ยวพี่ขอตัวไปหาต้นก่อนนะคะ” พาไลเดินเลี่ยงออกไป ปาลมองตามสายตาไม่ไว้ใจจนรินต้องเอาศอกกระทุ้ง
“ทำไมทำท่าจับผิดพี่พาไลเขาแบบนั้นล่ะคุณ”
“ผมก็แค่ไม่ไว้ใจว่าเขาหวังดีกับคุณจริงๆแค่นั้นแหละ”
“ช่างมันเถอะ อย่างน้อยตอนนี้ก็มีคุณคนหนึ่งที่หวังดีกับฉันแน่ๆ” รินมองปาลตาหวาน...
วันนี้ถ่ายฉากง่ายๆ เป็นฉากคุณพระอ้อนเมีย วิษณุแทบไม่ต้องบรีฟอะไร กล้องพร้อม พระนางพร้อม วิษณุสั่งแอ็กชัน ต้นในบทคุณพระวนาเทพปั้นหน้าแฉล้มเข้าไปหาคุณกำไล
“ทำไมแม่กำไลหน้าตูมเยี่ยงนั้นเล่า”
“คุณพระก็พูดไปเรื่อย เมียมิได้หน้าตูมตรงไหนนี่เจ้าคะ”
“เอ อยู่กันได้มินาน แม่กำไลก็เริ่มจักโกหกฉันแล้วรึ หรือว่าแม่กำลังจักปล่อยให้ฉันทดสอบดูว่าแม่กำไลโกหกฉันจริงรึเปล่า” คุณพระเขยิบเข้าไปเชยคางคุณกำไลขึ้นมา ส่งตาหวานไปให้กิฟท์ในคราบคุณกำไลหางตากระตุกไม่หยุด ภาพที่แอบเห็นต้นกับผู้ชายอีกคนผุดขึ้นมาในความคิดของกิฟท์ ขยะแขยงขึ้นมาทันใด แต่ด้วยสปิริตแรงกล้าคุณกำไลฝืนแสดงต่อ ทำเป็นแม่งอนให้เขาง้อ