ตอนที่ 9
ปาลจอดรถหน้าโรงแรมบางบาปแล้วลงมาพร้อมริน เจอพายกำลังจะขึ้นรถพอดีถามว่าจะกลับแล้วหรือ
“ค่ะ...วันนี้หมดคิวพายแล้วน่ะค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวรินขอตัวก่อนนะคะ” รินขยับจะไป พายรีบบอกว่าไม่มีอะไรแล้วจริงๆ ต่อจากนี้นางหยาดจะไม่รักนายปั้นอีกต่อไป ปาลขอโทษเธอด้วยหากเขาทำให้เธอเข้าใจผิด
“พี่ปาลไม่ต้องพูดแล้วค่ะ พี่ปาลทำดีที่สุดแล้ว พายไปก่อนนะคะ” พายยิ้มให้ทั้งคู่แล้วขึ้นรถขับออกไป พอพ้นสายตาคนอื่น น้ำตาเจ้ากรรมไหลอาบแก้ม...
ผีหยาดเป็นห่วงแม่เยื้อนในคราบยุพดี หายตัวจากห้องใต้ดินมาโผล่ที่ปลายเตียงคนป่วย มองแม่ที่อาการไม่ค่อยดีนักด้วยความเป็นห่วง เดินมาจับมือแม่อีกข้างหนึ่งคนละข้างกับที่เดือนจับ...
ที่มุมลับตาคนของโรงแรมบางบาป วิษณุมานั่งทอดอารมณ์อยู่ตามลำพัง ต้นเดินเข้ามาถามว่ายุพดี
เป็นอย่างไรบ้าง เขาได้รับแจ้งจากหมอว่าอาจต้องผ่าตัดสมอง ต้นเห็นสีหน้าไม่สู้ดีนักของเขาปลอบให้ใจเย็นๆ
“บางทีพี่ก็รู้สึกเหมือนพี่ไม่ไหวแล้วอ่ะต้น มันเรื่องอะไรเต็มไปหมดก็ไม่รู้”
ต้นมองไปรอบๆไม่เห็นมีใคร ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เอื้อมมือไปบีบมือวิษณุเอาไว้
“พี่เหนื่อยจังเลยต้น”
“อดทนอีกนิดนะครับพี่ แล้วไว้เดี๋ยวปิดกล้อง เราไปยุโรปกันสักสิบวันแบบตอนนั้นนะครับ”
“ขอพี่ดูอาการแม่เดือนก่อนนะต้น”
ต้นพยักหน้ารับคำ สองคนกุมมือกันไว้ กิฟท์เดินบ่นมาจากอีกด้านหนึ่งว่าต้นไม่รอทั้งที่บอกแล้วจะกลับโรงแรมที่พักด้วย พลันเหลือบไปเห็นต้นกับผู้ชายคนหนึ่งไม่เห็นหน้าเพราะเขายืนหันหลังให้ ทั้งคู่ยืนกุมมือกันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ กิฟท์แทบลงไปดิ้นตายตรงนั้น
ooooooo
วิษณุเอามือมาสัมผัสกับต้นไม้ในตำนาน มองไปรอบๆเหมือนหาใครบางคน ก่อนจะเรียกผีหยาดให้ออกมาหา เงียบไม่มีเสียงใดๆ เขาตัดสินใจลงไปที่ห้องใต้ดิน ร้องเรียกหาหยาดอยู่ที่นี่หรือเปล่า
“ออกมาหาฉันหน่อยเถิด ฉันมีเรื่องที่อยากจะคุยกับเธอ” วิษณุไม่เห็นผีตนไหนออกมาขยับจะไป
ผีหยดปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเขา พอเห็นเป็นคุณพระหน้าหมองเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้ม “คุณพระ มาตามหาบ่าวรึเจ้าคะ”
“ถึงฉันจะไม่เห็นเธอ แต่ฉันรู้ว่าเธออยู่ที่นี่”
“จริงรึเจ้าคะ คุณพระสัมผัสได้ถึงดวงใจของบ่าวใช่รึไม่”