ตอนที่ 12
ครู่ต่อมา ริน ต้นและปาลกลับมาที่กองถ่าย ปาลเล่าเรื่องคร่าวๆที่ได้คุยกับพี่ณุให้ทุกคนในกองฟัง อีกทั้งยังบอกด้วยว่าพี่ณุฝากมาขอโทษทุกคนด้วย บอลยังมึนไม่หายถามรินเก้าโมงเช้าแล้วจะเอาอย่างไรดี
“ถ้าพี่ณุเลือกแล้ว เราคงต้องเคารพการตัดสินใจของพี่ณุ...เราจะผ่านเรื่องนี้ไปทั้งหมดด้วยกัน” รินมองทุกคนอย่างให้ความมั่นใจทำให้ทุกคนคลายความกังวลไปได้
“บอล...ซ้อมกล้องได้เลย พี่ปาลจะกำกับคิวนี้เอง” รินสั่งเสียงเข้ม...
ฉากแรกที่จะถ่ายทำเป็นฉากที่คุณพระวนาเทพอโหสิกรรมให้หยาดที่วางยาคุณกำไล ต้นในชุดคุณพระวนาเทพนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ ทำสมาธิเพื่อให้เข้าถึงบทบาทที่ได้รับ ครั้นได้ยินเสียงบอลสั่ง “แอ็กชัน” ต้นลืมตามองต้นไม้สีหน้าเจ็บช้ำ
“หยาด...ฉันไม่รู้จริงๆ เหตุใดเธอจึงต้องวางยากำไล มันยากเหลือเกินที่ฉันจะอโหสิกรรมให้เธอในสิ่งที่เธอทำ แต่ฉันก็ขออโหสิกรรมให้เธอนะ”...
ขณะที่การถ่ายทำละครดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น วิษณุซึ่งอยู่ที่วัดบางบาปตั้งจิตอธิษฐานถึงผีหยด
“หยด เพราะทุกอย่างฉันเองคือต้นเหตุ ฉันหวังว่าทางเลือกนี้จะช่วยให้ฉันอโหสิกรรมตัวเองได้ด้วยเช่นกัน”
พลันภาพในอดีตเมื่อชาติที่แล้วผุดขึ้นมาในความคิดคำนึงของวิษณุ ตอนนั้นเขาในคราบคุณพระวนาเทพนั่งตาเหม่อลอยอยู่ห้องนอนไม่ได้สนใจอะไรรอบข้าง แล้วคว้าฝิ่นขึ้นมาสูบ ประตูห้องเปิดผลัวะ แสงสว่างส่องเข้ามา เขาต้องเบือนหน้าหนี ทาสเดินนำเพื่อนของคุณพระกับคนติดตามเข้ามา เพื่อนเห็นสภาพเขาก็ส่ายหน้า
“เหตุใดต้องทำตัวเป็นถึงเช่นนี้ เรื่องที่ท่านมิยอมออกว่าราชการมาเป็นเดือนเนี่ย ทำเอาพวกข้าวิ่งรอกกันใหญ่รู้รึไม่” เพื่อนตัดพ้อต่อว่า คุณพระวนาเทพไม่สนใจขยับถอยห่าง “เอาเถิด วันนี้ข้ามาหาท่านมีเรื่องสำคัญอยากให้ท่านช่วย” เพื่อนพยักพเยิดให้ผู้ติดตามเอาห่อผ้ามาวางก่อนจะแกะออกเผยให้เห็นปืนหลายกระบอก
“สิ่งนี้นี่...ปืนไฟพกพารึ” คุณพระวนาเทพหยิบปืนขึ้นมาดูอย่างสนใจ
“ใช่ ท่านคิดถูกแล้ว มันคือปืนไฟพกพา กฎใหม่ให้การนำเอาอาวุธยุทโธปกรณ์เข้าเมืองนั้นช่างเข้มงวดเหลือเกิน ค่าเบี้ยหวัดภาษีก็แรงหนัก ข้าจึงอยากถามว่าท่านจักช่วยลำเลียงของสิ่งนี้ทางน้ำเพื่อเข้าไปสู่ในเมืองหลวง ท่านทำได้รึไม่”