ตอนที่ 12
หลังถ่ายทำเสร็จ ทุกคนในกองกลับมารวมตัวกันที่สตูดิโอ รินกับหน่อย และสวัสดิการกองถ่ายช่วยกันคนละไม้ละมือจัดอาหารกับเครื่องดื่มขึ้นโต๊ะ รินเห็นปาลเดินมาหาถามว่ารับบทผู้กำกับสนุกไหม
“ไม่แน่ใจ ความเครียดนับเป็นความสนุกไหมอ่ะคุณ...แต่ผมเริ่มเข้าใจพี่ณุและก็คุณมากขึ้นเลยนะว่าทำไมงานมันต้องมาอันดับหนึ่งตลอด ตอนผมทำรายงานมันก็แค่ทีมงานไม่กี่คน แต่กองละครมันมีคนเป็นร้อยที่รอการตัดสินใจของเรา ไม่ง่ายเลยจริงๆ”
“ฉันก็ซึ้งเลยว่าไอ้ละครน้ำเน่าที่เขาว่ากันมันยากมหาหินเลย”
“แต่อย่างน้อยคุณก็ทั้งผลักทั้งดันมันจนถ่ายเสร็จ”
“จะว่าไม่ภูมิใจเลยก็คงโกหก” รินพูดไปยิ้มไป ปาลมองบรรยากาศเลี้ยงปิดกล้อง หยิบแก้วเครื่องดื่มส่งให้เธอชนแก้วกันในที่สุดเราก็ปิดกล้องได้ ทีมงานทยอยเข้ามาตักอาหาร ลูกหมีกับแอมแปร์อยู่ในกลุ่มนั้นด้วยอดแซวรินไม่ได้ หวังว่าคงไม่มีถ่ายซ่อมเพราะตนคืนชุดไปหมดแล้ว บอลแกล้งกระเซ้าคืนไปบ้าง
“หรือพี่ลูกหมีอยากมี”
ลูกหมีถึงกับร้องว้ายลั่นว่าไม่เอาแล้ว ทุกคนพากันหัวเราะขำ แอมแปร์กับลูกหมีพยักพเยิดให้กันก่อนจะถามรินว่าพี่ณุหายไปไหน เธอได้แต่ยิ้มเจื่อนไม่รู้จะตอบอย่างไร...
ระหว่างที่ทุกคนกำลังสนุกสนานกับปาร์ตี้เล็กๆฉลองปิดกล้องละครนางบาป ต้นขับรถมาจอดที่ลานกว้างข้างวัดบางบาป เดินหลบๆเข้าไปในวัด เห็นพระวิษณุนั่งหลับตาทำสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้ แต่จิตใจกลับไม่สงบ
เปลือกตากระตุกถี่ยิบ ทันใดนั้นภาพในอดีตเมื่อครั้งเจอกันที่เมืองนอกผุดขึ้นมาในความคิดคำนึงของต้น
ตอนนั้นต้นกับวิษณุปั่นจักรยานชมวิวสวยด้วยกัน โดยแวะถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกเป็นระยะๆ บรรยากาศพาให้ต้นตัดสินใจสารภาพความในใจกับวิษณุซึ่งถึงกับชะงักไป ต้นเริ่มใจเสีย
“ขอโทษนะครับพี่ ผมไม่ควรรู้สึกแบบนี้ แต่...มันเกิดขึ้นเอง พี่ณุลืมๆไปก็ได้นะครับ กลับเมืองไทยเราก็ไม่จำเป็นต้องรู้จักกันแล้วก็ได้ อย่าโกรธผมนะพี่ณุ”
“พี่ไม่ได้โกรธ แล้ว...พี่ก็ดีใจที่รู้จักต้น”
ต้นดีใจมากโผกอดวิษณุไว้แน่น วิษณุเองอยากกอดตอบแต่ความรู้สึกผิดในใจทำให้เขาได้แต่ยืนนิ่ง
พระเอกหนุ่มตื่นจากภวังค์มองพระวิษณุที่นั่งสมาธิแต่จิตใจไม่นิ่งกระสับกระส่ายตลอดเวลาด้วยน้ำตานองหน้า ขยับจะเข้าไปหาแต่เสียงระฆังดังกังวานขึ้นทำให้เขาชะงักฝีเท้า ยกมือไหว้ลาท่าน ตัดใจเดินจากมา
ooooooo