ตอนที่ 12
“พี่ไม่ค่อยอยากเจอใคร มีเรื่องต้องคิดเยอะ งานก็ยุ่งๆด้วย”
ต้นขอรูปใบนี้ของตัวเองได้ไหมจะเก็บไว้เป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งเขาได้แสดงเป็นพี่ณุในอดีต วิษณุตัดพ้ออีกครั้งนี่เขาคงคิดว่าตนบ้าใช่ไหม ต้นไม่เคยคิดอย่างนั้น ยิ่งได้เจอเรื่องที่เกิดขึ้นกับกิฟท์วันปิดกล้อง
“ผมก็ไม่มีคำถามอะไรอีก หรือจริงๆต่อให้พี่ณุจะบ้า ผมก็จะบ้าไปกับพี่นี่แหละ”
วิษณุมองต้นรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ขอบคุณเขามากที่มักจะคอยเป็นกำลังใจให้กันเสมอ เขาเล่าให้ฟังว่าตอนนี้เขากับกิฟท์เป็นอิสระต่อกันแล้ว เหลือแค่โฆษณาสุดท้ายที่เธอดีลไว้ก่อนนี้ แล้วเธอก็คงประกาศเลิกเป็นแฟนกับเขาออกสื่อ วิษณุเชื่อว่าสักวันกิฟท์จะต้องได้เจอกับความรักที่ดี
“ครับ ถึงวันนั้นคนก็คงจะพากันลือเรื่องผมแทน” ต้นเห็นวิษณุนิ่งเงียบไป ถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า
“พี่ทำให้ต้นลำบากไปด้วยอีกคน” วิษณุรู้สึกผิดที่ทำให้ต้นต้องเปิดเผยว่าเป็นเกย์ต่อหน้าคนอื่น
“เปล่าเลยครับพี่ ที่ผ่านมาผมก็ไม่เคยให้ใจอะไรกับความรัก แต่กับความรู้สึกที่ผมให้พี่มันกลับเป็นครั้งแรกที่ทำให้ผมรู้ว่าความรักที่ดีมันเป็นอย่างไร” ต้นมองวิษณุอย่างรักหมดใจ นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกผิด คนอย่างเขาไม่สมควรจะรักใครและไม่สมควรที่จะได้ความรักจากใครอีกด้วย ต้นแนะให้เขาลองให้อภัยตัวเองดูบ้าง
“เพราะบางทีสิ่งที่พี่ทำมันอาจจะผิดจนเกินอภัย”
ooooooo
ตกดึกคืนเดียวกัน ผีหยดร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด ใช้มือขุดดินข้างศพของตัวกับของหยาด เสียงหลวงพ่อยังคงดังก้องในหูผีหยด
“หลังจากคืนเดือนดับ แม่ของโยมถูกขังลืมในห้องใต้ดิน แม้จะโดนทรมานเช่นไรก็ไม่ยอมปริปากอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวว่าผู้ใดคือคนที่วางยาพิษ ผู้คนในเรือนนั้นต่างพากันเสียสติไปตามๆกัน”
หลวงพ่อยังเล่าอีกว่าตั้งแต่ที่คุณกำไลพร้อมลูกๆโดนวางยา คุณพระวนาเทพก็ไม่ออกว่าราชการอีกเลย นายแม่ก็เฝ้าคร่ำครวญถึงคุณกำไลกับหลานๆ
ที่ต้องมาตายในคราวเดียวกัน ข้าวปลาไม่แตะ ครั้นมีคนบอกว่าคุณกำไลกับลูกๆเสียชีวิตไปแล้ว ท่านก็ร้องไห้ฟูมฟายราวกับคนบ้าว่าลูกของท่านยังไม่ตาย...
ชดเอาอาหารมาให้แม่เยื้อนที่ถูกทรมานจนผ่ายผอมกินโดยผ่านซอกประตูห้องใต้ดินแต่เธอก็ไม่ยอมแตะต้องอาหาร ได้แต่บอกให้เขาปล่อยให้เธอตายไปดีกว่า...
แต่ดูเหมือนมีอยู่หนึ่งคนที่ไม่รู้สึกรู้สมกับการตายของคุณกำไลกับลูกๆนั่นก็คือเจ้าสัว แถมยังพานางบัวเมียทาสคนใหม่เข้ามาอยู่ในบ้านอีกด้วย สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้นายแม่