ตอนที่ 7
ที่เมืองซาอู...ภายในบ้านพักหรูของนายพลอังกู
นายพลอังกูในชุดนอกเครื่องแบบทหารนั่งละเลียดอาหารพลางพูดคุยกับอันโตนและจ่อแอที่เรียกมาพบเพื่อสั่งงาน โดยมีซาบีกับปาแปงยืนอยู่ห่างๆ
“พวกมันเอาเมืองไทยเป็นเกราะกำบังคุ้มกะลาหัว คิดว่าไม่มีใครทำอะไรมันได้ พวกมันก็เลยคิดก่อการใหญ่ ก่อตั้งกองกำลังกู้ชาติมาสู้กับเฮา”
นายพลอังกูไม่พูดเปล่า แต่มีรูปถ่ายเป็นหลักฐานยืนยันความเคลื่อนไหวของพวกเจ้าแสงหน่อฟ้า และบรรดาองครักษ์ รวมทั้งประชาชนเมืองจายอีกราวสิบคนที่ซ่องสุมประชุมลับในสถานที่มิดชิด
“เจ้าแสงหน่อฟ้ากำลังรวบรวมชาวเมืองจายที่หนีออกไปได้ ผสมโรงกับชาวเมืองจายนอกประเทศที่ไปตั้งรกรากหากินอยู่ที่เมืองไทย เคลื่อนไหวกันอย่างลับๆ ถ้ามันรวมตัวกันได้มากเมื่อไหร่ ก็คงจะบินไปเรียกร้องที่เวทีโลก”
“เราจะให้มันไปถึงจุดนั้นไม่ได้ เราต้องหยุดพวกมันให้ได้” อันโตนพูดขึงขัง
นายพลอังกูพอใจ แล้วให้รายละเอียดทั้งรูปถ่ายและแหล่งกบดานของพวกเจ้าแสงหน่อฟ้าไป โดยสั่งให้ก่อกวน ปั่นป่วน คุกคามชีวิตเจ้าหลวงกับมหาเทวีอย่าให้ตั้งกองกำลังกู้ชาติสำเร็จ ส่วนเจ้าแสงจันทาก็ให้ลักพาตัวมา เพราะนางคือกุญแจดอกสำคัญที่จะหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมดของเจ้าแสงหน่อฟ้าได้...
ที่บ้านพักข้าราชการของพสุ...วันนี้เผ่าเทพมาเยี่ยมพสุและมีข่าวสำคัญมาบอกด้วย
“ข่าวว่าเจ้าหลวงอาจจะเรียกร้องต่อสหประชาชาติ ไม่เพียงแต่ขอให้ช่วยเหลือเจ้าหลวงที่ถูกจับกุม แต่ยังจะเคลื่อนไหวเรียกร้องดินแดนรัฐคีรีหลวงทั้ง 33 เมืองคืนกลับมาอีกด้วย”
“แต่รัฐคีรีหลวงไม่มีกำลังทหารแข็งแกร่งเท่ากองกำลังซาอู ยังไงก็ไม่มีวันสู้ได้”
“ถ้าเจ้าหลวงต่อสู้เรียกร้องอย่างสันติวิธีไม่ได้ ก็คงต้องก่อตั้งกองกำลังกู้ชาติกลับไปต่อสู้”
“ไม่มีทาง! ตอนที่ฉันเข้าไปช่วยเจ้าจ้อยหนีออกมาจากเมืองจาย ฉันเห็นกับตาเมืองจายลุกเป็นไฟทุกหย่อมหญ้า มีทหารซาอูเต็มไปหมดทุกเมืองที่พาเจ้าจ้อยหนีผ่าน ถ้านายพลอังกูต้องการสันติวิธีก็คงไม่ใช้กำลังทหารตามล่าเหล่าเจ้าหลวงและครอบครัวอย่างเอาเป็นเอาตายขนาดนี้ แต่นี่เพราะอยากครอบครองรัฐคีรีหลวงให้เป็นส่วนหนึ่งของซาอู ถึงต้องใช้วิธีล้างบาง”
“ถ้าอย่างนั้นนายพลอังกูคงไม่ยอมปล่อยให้เจ้าหลวงเคลื่อนไหวเรียกร้องอิสรภาพให้รัฐคีรีหลวงได้อย่างราบรื่นแน่ๆ”
“ใช่ มันต้องตามขัดขวางทุกทาง”
“แกคงเป็นห่วงความปลอดภัยของเจ้าจ้อยล่ะสิ”
“เจ้าจ้อยมีทั้งคู่หมั้น ทั้งองครักษ์อย่างยุพราชคอยดูแล ฉันจะเสียเวลาไปห่วงเขาทำไม”