ตอนที่ 2
“ก็เพราะอย่างงี้ไงครับ ยุพราชรู้ว่าองค์หญิงจะต้องตามไปด้วยแน่นอน ยุพราชก็เลยไปโดยที่ไม่บอกกล่าว แล้วมอบหน้าที่อารักขาองค์หญิงไปส่งที่ชายแดนไทยไว้กับผม”
“เฮาจะตามยุพราชไป”
“อย่าตามเลยครับองค์หญิง”
เจ้าจ้อยดึงดันไม่ฟัง พสุเลยต้องคว้าแขนไว้ บอกว่ายุพราชให้ลุงแสงขับรถไปส่งร่วมชั่วโมงแล้ว เจ้าจ้อยตามไปก็ไม่ทัน เจ้าจ้อยหันขวับมามองมือที่โดนจับ พสุรู้ตัวรีบปล่อยทันที
“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
“ทำไมจะไม่ตั้งใจ คุณจงใจปิดบังเฮา”
“แต่ความจงใจของผมคือความหวังดี เวลานี้บนแผ่นดินของรัฐคีรีหลวง ไม่มีที่ใดปลอดภัยสำหรับองค์หญิงอีกต่อไปแล้ว แม้แต่ที่หมู่บ้านนี้ เพราะฉะนั้นเราอย่าช้าอยู่เลยครับ เราต้องรีบไป ถ้าองค์หญิงคิดจะวิ่งตามหาเจ้าหลวงไปกับยุพราช ก็เหมือนวิ่งไปหากับดัก พวกทหารซาอูจับองค์หญิงได้เมื่อไหร่ เจ้าหลวงจะต้องปรากฏตัวออกมาเมื่อนั้น ทีนี้ทั้งครอบครัวขององค์หญิงก็จะถูกจับไปทั้งหมด”
เจ้าจ้อยฟังแล้วจำนน เถียงอะไรไม่ออก
“รีบไปปลอมตัวให้เสร็จเถอะครับ ถ้าอ่อนคำอยู่แถวนี้ เดี๋ยวก็คงจะกลับมาเอง”
สองคนใส่เสื้อผ้าเก่าซอมซ่อแล้วยังต้องทาผิวพรรณให้หมองคล้ำอย่างชาวไร่ชาวนา แต่เพราะเจ้าจ้อยทาไม่ค่อยเป็นและช้ามาก พสุจึงคว้ากระปุกครีมมาทาให้ โดยกล่าวขอโทษก่อนลงมือ บอกว่าตนทำตามหน้าที่
พสุจัดการละเลงครีมลงบนหน้าผ่องใสของเจ้าจ้อย ตอนแรกเจ้าจ้อยอึ้งตะลึงค้าง แต่หลังจากนั้นก็ปล่อยเลยตามเลย โดยหลับตาลงเสีย พสุใช้ครีมทาไปทั่วหน้าเจ้าจ้อย พลางมองใบหน้าที่สวยงามอย่างหลงใหล เสร็จจากหน้าก็ทามือ ช่วงแขนที่โผล่จากเสื้อ และเท้ากับขา
ไม่นานนักทั้งคู่ก็อยู่ในสภาพผิวคล้ำกรำแดดจนดูเหมือนชาวบ้านธรรมดาแล้วคว้าถุงสัมภาระเดินออกไปเจอผู้ใหญ่ส่วยที่มาถึงพอดี
“รถพร้อมแล้ว เดี๋ยวข้าเฮาจะขับรถไปส่ง แล้วนี่ข้าวเหนียวเนื้อเค็มเก็บไว้กินระหว่างทางได้หลายวันเจ้าค่า”
“ขอบคุณมากครับลุง”
“ขอบใจนะผู้ใหญ่ เฮาจะไม่ลืมน้ำใจของผู้ใหญ่เลย”
“ข้าเฮาดีใจที่มีโอกาสช่วยองค์หญิงเจ้าค่า รีบไปเถอะเจ้าค่า”
“เดี๋ยวก่อน แล้วอ่อนคำล่ะ นางกำนัลของเฮาหายไปไหนก็ไม่รู้ ผู้ใหญ่เห็นบ้างไหม”
“ไม่เห็นเลยเจ้าค่า”
ระหว่างนี้ลุงแสงเดินเข้ามาได้ยินพอดี ลุงแสงบอกว่าอ่อนคำไปแล้ว
“ไปแล้ว? ไปไหนหรือ”
“ไปกับผู้หมวดยุพราชน่ะสิเจ้าค่า”
“ว่ายังไงนะ! อ่อนคำไปกับยุพราชหรือ แล้วทำไมไม่บอกเฮาสักคำ”