ตอนที่ 2
พสุอึ้ง...เขาเข้าใจยุพราช แต่ก็กังวลใจมาก ขณะที่ลุงแสงสีหน้าไม่สู้ดี ถามกึ่งเตือนว่า
“จะตามไปเหรอครับ ระยะทางจากที่นี่ไปเมืองเปยไกลไม่ใช่น้อยนะครับ”
“ถ้าจะหอบหิ้วองค์หญิงของนายตามไปด้วยฉันเกรงว่าจะพานางไปเสี่ยงอันตราย”
“ชายแดนไทยอยู่ติดเมืองแพรกนี่เอง แค่ใช้เวลาไม่เกิน 4 วันก็จะถึงอยู่แล้ว แต่ถ้าอ้อมไปเมืองเปยอีก คงใช้เวลาร่วมๆเจ็ดแปดวัน เผลอๆอาจนานกว่านั้น ถ้าต้องคอยเปลี่ยนเส้นทางหลบๆซ่อนๆพวกทหารซาอู”
ฟังทั้งลุงแสงและพสุแล้ว ยุพราชยกมือลูบหน้าและจับขมับอย่างเคร่งเครียด พสุแตะไหล่เพื่อนรัก
“ฉันเข้าใจความรู้สึกนาย ค่อยๆคิดเพื่อน เรายังมีเวลาจนถึงพรุ่งนี้เช้า”
ยุพราชพยักหน้า พยายามตั้งสติและค่อยๆคิดอย่างที่พสุแนะนำ
ooooooo
วิธีเอาตัวรอดในดินแดนของศัตรูก็คือการพรางตัวหรือปลอมตัวนั่นเอง เป็นการปิดบังรูปลักษณ์หน้าตาผิวพรรณที่แท้จริงให้กลมกลืนไปกับชาวบ้านทั่วไปเพื่อไม่ให้ใครผิดสังเกต โดยพสุเน้นย้ำที่เจ้าจ้อยเพราะมีความแตกต่างจากคนทั่วไปอย่างเห็นได้ชัดมาก
หลังจากทำความเข้าใจกันเรื่องพรางตัวแล้ว คืนนั้นลุงแสงก็ให้พสุกับยุพราชเลือกอาวุธปืนและกระสุนไว้ใช้ พร้อมกันนี้ได้มอบเสื้อผ้าให้เปลี่ยน แต่ไม่ทันถึงรุ่งสางซึ่งเป็นเวลาเดินทาง ยุพราชก็แอบบอกพสุกับลุงแสงว่าเขาตัดสินใจแล้วว่าจะเปลี่ยนเส้นทางไปที่เมืองเปย
เพื่อตามหาเจ้าหลวงกับมหาเทวีและพ่อของตน ซึ่งเขาจะไปคนเดียว ให้พสุพาเจ้าจ้อยข้ามแดนไปให้ได้อย่างปลอดภัย
“ที่สำคัญจะให้เจ้าจ้อยรู้ก่อนไม่ได้เด็ดขาดว่าฉันจะไปตามเจ้าหลวง เจ้าจ้อยต้องตามไปด้วยแน่ๆ ฉันจะออกเดินทางแต่เช้ามืด ก่อนที่เจ้าจ้อยจะตื่น”
เมื่อจำต้องให้พสุพาเจ้าจ้อยหนีไปชายแดนไทย ยุพราชขอร้องให้พสุสัญญาว่าจะไม่หลงรักเจ้าจ้อยที่ตนเฝ้าหลงรักมานาน แต่พสุไม่ยอมรับปาก สัญญาแต่ว่าจะพาเจ้าจ้อยไปส่งอย่างปลอดภัย
เจ้าจ้อยไม่รู้ว่ายุพราชแยกไปคนเดียวเพราะเธอหลับสนิทตั้งแต่หัวค่ำยันรุ่งสาง แต่อ่อนคำตื่นมาเห็นยุพราชกับลุงแสงลับๆล่อๆ จึงแอบซ่อนตัวไปในท้ายรถกระบะอย่างอยากรู้อยากเห็น กว่าสองคนจะรู้ตัวก็ออกไปไกลเกินกว่าจะพากลับมาส่ง ต้องปล่อยเลยตามเลยทั้งที่ยุพราชไม่ค่อยชอบใจนัก
เมื่ออ่อนคำหายไปทำให้พสุต้องพูดความจริงว่าเธออาจไปกับยุพราชที่ตัดสินใจแยกไปตามหาเจ้าหลวงกับมหาเทวีที่เมืองเปยแล้วตั้งแต่เช้ามืด
“แล้วทำไมคุณไม่รีบบอกเฮา เฮาจะได้ตามยุพราชไปด้วย”