ตอนที่ 15
“คุณไม่รู้ย่อมไม่ผิด เฮาไม่ถือโทษโกรธหรอก เรื่องมันแล้วไปแล้ว เฮาเองก็อยากจะขอบคุณหมวดพสุ ลูกชายของคุณหญิง ที่ช่วยเหลือครอบครัวของเรามาตลอด ตั้งแต่หนีออกจากเมืองจายจนมาอยู่เมืองไทย พวกเราทุกคนซาบซึ้งในน้ำใจลูกชายของคุณหญิงมาก จนไม่รู้ว่าจะหาคำพูดใดมาขอบคุณดี”
“ฉันไม่อยากได้คำพูดหรอกค่ะ คำพูดมีค่าน้อยกว่าการกระทำ”
“คุณหญิงหมายความถึง...”
“เมื่อถึงวันที่ลูกชายของฉันตกลงปลงใจไปใช้ชีวิตร่วมกับเจ้าจ้อย กลายเป็นคนในครอบครัวของมหาเทวีแล้ว ก็ขอให้คุณรักเขาเหมือนกับเป็นลูกชายคนนึง ฉันมีลูกชายอยู่แค่คนเดียว ฉันรักเขามาก”
“เฮาก็มีลูกสาวเพียงคนเดียว เฮาก็รักลูกมากเหมือนกัน เฮาเข้าใจหัวอกของแม่ดี เฮาสัญญาว่าจะรักหมวดพสุเหมือนกับเป็นลูกชายของตัวเอง”
“ฉันก็สัญญาว่าจะรักเจ้าจ้อยธิดาของมหาเทวีเหมือนเป็นลูกสาวของตัวเองเช่นกัน”
วราพรกับมหาเทวีโอบกอดกัน พสุกับเจ้าจ้อยยืนอยู่ข้างหลังยิ้มแย้มอย่างมีความสุข
ooooooo
อีกวันถัดมา ทุกคนรู้จากเจ้าหลวงว่ามีกำหนดกลับเมืองจายแล้ว ต่างพากันดีใจ
“หลังจากนายพลอังกูตาย ทหารซาอูก็ถอนกำลังออกจากรัฐคีรีหลวงหมดเพราะทนแรงกดดันจากสหประชาชาติไม่ได้ อีกทั้งชาวเมืองที่เริ่มรวมตัวกันออกมาขับไล่ทั่วทุกเมือง”
“มันต้องอย่างนี้สิ ทุกคนต้องรวมพลังกันเจ้าค่า”
“ตอนนี้ทุกเมืองกำลังขาดผู้นำเจ้าค่า เจ้าหลวงทุกเมืองที่ลี้ภัยออกมากำลังทยอยกลับเมือง และชาวเมือง จายก็เรียกร้องให้เจ้าหลวงและมหาเทวีกลับไปเจ้าค่า”
“แล้วเจ้าพ่อตัดสินใจจะกลับไปเมืองจายเมื่อไหร่เจ้าค่า”
“อีกสองวัน ลูกเตรียมตัวให้พร้อม เราจะกลับไป”
“ดีใจไหมเจ้าจ้อย เราจะได้กลับไปบ้านของเราแล้ว”
“ดีใจสิเจ้าค่าเจ้าแม่ อยู่ที่ไหนก็ไม่เหมือนอยู่บ้านของเราเอง แต่ลูกก็แอบใจหายเจ้าค่า เพราะลูกก็ชอบเมืองไทย คนไทยน่ารักและเป็นมิตร บ้านเมืองก็สงบ ไม่มีศึกสงคราม ผู้คนสามัคคีกัน”
“แน่ใจหรือเจ้าจ้อย ว่าใจหายเพราะรักชอบเมืองไทย ไม่ใช่เพราะห่วงใคร”
“เปล่าเลยเจ้าค่า ลูกไม่ได้ห่วงใครทั้งนั้น แต่ลูกขอตัวก่อนนะเจ้าค่า จะรีบโทร.ไปบอกหมวดพสุ”
“ตอนนี้หมวดพสุอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่”
“หมวดเดินทางกลับพระนคร ไปรายงานตัวที่หน่วยเจ้าค่า”
หลังจากโทร.คุยกับพสุแล้ว เจ้าจ้อยดูขรึมไปจนมหาเทวีสงสัย อยากรู้ว่าพสุว่าอย่างไรบ้าง
“หมวดเพิ่งได้รับภารกิจใหม่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ ไม่สามารถไปเมืองจายด้วยกันได้”
“ไว้หมวดเสร็จภารกิจก็คงจะเดินทางไปหาลูกที่เมืองจายเองนั่นแหละ”
“เจ้าค่า”