ตอนที่ 6
เตชัสบรรยายถึงครอบครัวของท่านที่ไม่อาจเปิดเผยแก่สังคมได้ ลูกชายก็ถูกส่งไปอยู่เมืองแอลเอท่านจะได้ทำงานสะดวก แต่มารู้อีกทีลูกชายก็ไปคบกับลูกชายหัวหน้าแก๊งค้ายาและอาวุธที่แอลเอแล้ว ท่านห้ามก็ไม่ฟัง แม้จะเสียใจแต่สำหรับท่านแล้วครอบครัวเป็นเรื่องท้ายๆในลิสต์ลำดับความสำคัญอยู่แล้ว
จนเมื่อเบนกลับมาท่านก็ได้พาไปรู้จักกับคำว่า มาตุภูมิ เบนสรุปในตอนท้ายว่า
“ในฐานะประชาชน ผมขอบอกว่าท่าน...พันเอกอิสริยะ ภักดีณรงค์ นายทหารที่เสียสละได้ทุกอย่างในชีวิต เสียสละความสุขของคนที่รักเพื่อความสุขของคนที่ไม่รู้จัก คงไม่มีใครประเสริฐเท่านี้อีกแล้ว แต่ในฐานะของลูกชาย...ท่านไม่ใช่...ท่านไม่ใช่ฮีโร่ของลูกชาย เพราะท่านทำลายความสุขทุกอย่างในชีวิตเขา”
เบนนึกถึงตอนที่กลับมาแล้วมีปากเสียงกับพ่อ เพราะพ่อโทษว่าโฮปตายเพราะเขา เพราะเพื่อนชั่วของเขา ตอนนั้นเบนถามว่าแล้วพ่อพาตนกลับมาทำไม ให้ตนตายเสียดีกว่า พ่อกระชากคอเสื้อเขาถามว่า
“ตายแล้วมันมีประโยชน์อะไร แฟนแกฟื้นขึ้นมาไหม มันก็แค่การหนีปัญหาของคนกระจอก ทำไมแกไม่อยู่เพื่อแก้ไขความผิดของตัวแกเอง ชดเชยความผิดให้กับผู้หญิงที่แกรัก...วันนี้แกยังมีชีวิต แกยังทำอะไรได้อีกมากมาย ทำไมแกไม่คิดทำ!! หรือแกอยากจะอยู่กับความรู้สึกผิดไปจนตายก็เรื่องของแก”
เบนหยุดอ่านจนเตชินีบอกให้อ่านให้จบแม่อยากฟัง เบนไม่อ่านตามเรียงความที่เขียนเขาบอกแม่ว่า
“มันไม่ใช่อย่างที่ผมเคยเขียน และผมต้องเขียนตอนจบใหม่ให้ถูกต้อง...” แล้วเบนก็พูดแทนการอ่านว่า
“เหตุผลที่ผมสมัครเป็นทหารและเลือกทำงานปราบปรามยาเสพติด ไมใช่เพราะท่าน แต่เพราะโฮป ผู้หญิงที่ผมรัก เมืองไทยเป็นความฝันของโฮป ผมอยากทำให้ที่นี่สวยงามที่สุด ผมอยากกำจัดยาเสพติดให้หมด มันคงเป็นวิธีเดียวที่ผมจะชดเชยให้โฮปได้...แล้วโฮป...โฮปก็ทำให้ผมเข้าใจเหตุผลของท่าน...เหตุผลที่ท่านไม่ยอมเลิกทำงานนี้...ไม่ใช่ท่านไม่รักผมหรือแม่ ตรงกันข้ามเลย ท่านรักมาก มากที่สุด เพราะท่านเห็นว่ามีคนตายเพราะยาเสพติดทุกวัน ทั้งผู้ใหญ่ ทั้งเด็ก ทั้งคนเสพคนไม่ได้เสพ และถ้าปล่อยไว้ อนาคตคนเสพและขายจะอายุน้อยลงเรื่อยๆ เยาวชนจะกลายเป็นพ่อค้ายา ท่านเคยพูดไว้และมันกำลังเป็นจริง...ท่านถึงทำ...ทำต่อไป...”
ทุกคนเงียบงัน เบนพูดอย่างสะเทือนใจว่า
“ในเมื่อยังมีชีวิตท่านก็จะทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ทำในสิ่งที่ท่านจะไม่มีวันหันกลับมาเสียดายที่ไม่ได้ทำ ท่านถึงไม่เคยหยุด ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไร...ท่านก็ไม่หยุด...ท่านทำจนวินาทีสุดท้าย แล้วผม ผมมัวทำอะไรอยู่...”
เบนรู้สึกผิด ละอายในตัวเอง ทุกคนมองเบนอย่างเห็นใจ เตชินีมองเบนอย่างซาบซึ้ง เบนเองพยายามตั้งสติเพื่อเรียบเรียงบทสรุปให้พ่ออย่างสวยงาม
“ตอนจบของเรียงความนี้ ผมขอพูดอย่างเต็มปากว่า...ท่าน คือฮีโร่ของผม ทั้งในฐานะประชาชนและในฐานะของลูกชาย สิ่งที่ท่านทำมันคือความภูมิใจของผมและผมจะเป็นความภูมิใจของพ่อให้ได้...ลูกชายคนนี้ของพ่อจะทำให้ได้”