ตอนที่ 15
หลายปีผ่านไป...
ที่โรงเรียนอนุบาลที่เด็กชายกุลเรียนอยู่ เลิกเรียนผู้ปกครองมารับเด็กกลับไปเกือบหมดแล้ว แต่เด็กชายกุล ยังวิ่งเล่นรอพ่อแม่มารับอยู่ที่สนามเด็กเล่น
กุลวิ่งเล่นและล้มแต่ก็ลุกขึ้นมาปัดเศษผงแล้วจะวิ่งต่อ
“ไม่เจ็บรึ” เสียงเทิดถามขึ้น
กุลหันมองเห็นเทิดนุ่งโจงกระเบนเสื้อคอปิดแขนยาวสีขาวสวมหมวกกะโล่รองเท้าหนังหุ้มส้นสีดำ กุลมองการแต่งตัวของเทิดอย่างแปลกใจแต่ก็ตอบฉะฉานว่าไม่เจ็บครับคุณปู่ เทิดชมว่าเอ็งนี่เก่งเหมือนพ่อไม่มีผิด
เทิดคุยกับกุลอย่างถูกคอจนรู้ว่าพ่อแม่กุลมีร้านขายเครื่องดนตรีไทยต้องรอให้ปิดร้านก่อนค่อยมารับ
เทิดถามว่าพ่อแม่มีร้านขายเครื่องดนตรีไทยแล้วเอ็งเล่นดนตรีเป็นสักชิ้นไหมล่ะ
กุลคุยจ้อว่าตนอยากตีระนาดแต่พ่อบอกว่าไว้โตกว่านี้แล้วจะพาไปเรียน
เทิดบอกว่ากุลชอบเหมือนตน พอกุลรู้ว่าที่บ้านคุณปู่มีระนาดเอกก็จะขอไปเที่ยว เทิดบอกว่าไม่ได้หรอกเพราะตนกำลังจะย้ายบ้านไปอยู่ที่ไกลมาก
พอดีปกรณ์กับอิงอรมารับ เทิดจึงฝากกุลบอกพ่อกับแม่ด้วยว่า
“ข้ามาลา”
ปกรณ์กับอิงอรมารับกุล พอกุลเล่าเรื่องได้พบคุณปู่ที่แต่งตัวประหลาดและคุยสนุกบอกว่าคุณปู่บอกว่ารู้จักพ่อและฝากบอกพ่อด้วยว่ามาลาเพราะกำลังจะย้ายบ้าน
ปกรณ์ฟังกุลเล่าแล้วจอดรถทันที หันมองไปสนามเด็กเล่นก็ไม่เห็นอะไรแล้วจึงขับรถออกไป
แต่ที่แท้เทิดยังอยู่ที่เดิม มองตามรถปกรณ์แล้วร่างก็ค่อยจางหายไป
เรือนเล็กกลายเป็นโรงเรียนสอนดนตรีไทยให้เด็กๆ โดยมีครูยชญ์กับครูเมเป็นคนสอน
วันนี้เมมาสายถูกยชญ์ขู่ว่าจะตัดเงินเดือนเพราะมาสายทุกวัน เมรีบบอกว่านับแต่พรุ่งนี้จะมาไม่ให้เลตเลยแม้แต่วินาทีเดียว
“แต่ฉันว่าเธอควรจะหยุดเทียวไปเทียวมาแบบนี้ได้แล้ว”
“เฮ้ย นี่นายจะเลิกจ้างฉันจริงๆหรือ ล้อเล่นน่ะ”
“ฉันไม่ได้ล้อเล่น แต่ฉันว่าเธอควรจะอยู่ที่นี่อย่างถาวรได้แล้ว”
“อะไรนะ นี่นายกำลังจะ...”
“ใช่ ฉันกำลังขอเธอแต่งงาน เธอจะว่ายังไง” เมอึ้งแล้วขำพรืดออกมา “ว่าไง...เธอขำอะไร”
“เป็นการขอแต่งงานที่ห่ามที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา”
พูดแล้วเมทำท่าจะเดินเข้าไปสอนเด็ก ยชญ์คว้าแขนไว้ มองหน้าถามจริงจัง
“ตกลงเธอจะว่ายังไง”
“ก็ต้องตกลงน่ะสิ ไม่น่าถามเลย...เฮ้ออออ” พูดหน้าตาเฉยแล้วรีบเดินเข้าไป แต่หยุดแอบมองเขินๆ พึมพำ “นึกว่าจะไม่ขอซะแล้ว”
ยชญ์มองตามเม ยิ้มอย่างมีความสุข...
ooooooo
–อวสาน–