ตอนที่ 5
ผจงเอะใจท่าทางสงบเสงี่ยมของเพชรน้ำผึ้ง พานระแวงว่าภูผาจะหักหลังจึงตัดสินใจตามไปดูด้วยตัวเอง ก้องแสดงอาการมากไม่ได้ ได้แต่ทำเฉยคุ้มกันเพชรน้ำผึ้ง เพราะรู้ดีว่าภูผาไม่ใช่แค่มีแผนช่วยพลอยน้ำค้างให้ปลอดภัยแต่จะจับตัวเผ่าเทพไปขังด้วย หาไม่ความหัวแข็งของอีกฝ่ายจะทำให้แผนลับของภูผากับสมยศล่ม!
ภูผาไม่คิดจะฆ่าเผ่าเทพ แค่ต้องการจับตัวไว้ไม่ให้อีกฝ่ายกวนแผนทลายรังโจรเสือผัน แต่เหมือนผู้กองหนุ่มจะไม่คิดเช่นนั้น หลังไปรับตัวพลอยน้ำค้างตามนัดและส่งเธอขับรถกลับบ้านพักของเขาแล้ว
ผู้กองหนุ่มก็บุกป่าฝ่าดงตามไปคิดบัญชีกับโจรโพกผ้าที่เขาเพิ่งรู้จากพลอยน้ำค้างว่าชื่อเสือผา!
เผ่าเทพตื่นตัวเต็มที่ตามสัญชาตญาณตำรวจ ภูผาเฝ้ารออยู่แล้วเพราะเชื่อว่าคนเลือดร้อนอย่างผู้กองหนุ่มจะตามมาจับเขา เผ่าเทพหงุดหงิดมาก สัมผัสได้ว่าเสือหนุ่มอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแต่มองไม่เห็นตัว
“ไอ้เสือผา! แกไม่ได้แน่จริงอย่างที่เขาโจษจันหรอก ก็แค่โจรกระจอก เก่งแต่ซ่อนตัว ใช้ผู้หญิงเป็นตัวประกัน”
ภูผายังไม่ปรากฏตัวแต่ส่งเสียงโต้ตอบแทน
“ฉันกำลังให้โอกาสหมวดตัดสินใจให้ดีอยู่ต่างหาก ถ้าฉันเอาจริงขึ้นมาหมวดได้เอาชีวิตมาทิ้งในป่านี้แน่”
“ไม่มีวันไหนที่ฉันมั่นใจเท่าวันนี้อีกแล้วไอ้เสือผา”
“ได้...ในเมื่อหมวดตัดสินใจแล้ว”
จบคำสองหนุ่มต่างสถานะก็ดวลปืน ภูผาเป็นต่อเพราะมีวิชาคาถาอาคม เผ่าเทพมองเหตุการณ์ตรงหน้าตาค้าง ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองว่าเสือหนุ่มจะหลบกระสุนของเขาได้
“ถึงเวลาที่หมวดจะได้รู้ ว่าความมั่นใจของหมวดนั่นแหละคืออาวุธที่ฆ่าหมวดเอง!”
ภูผาพยายามเตือนสติ ไม่อยากให้อีกฝ่ายดึงดันเอาชีวิตมาทิ้ง แต่เผ่าเทพก็สู้ไม่ถอยจนถูกกระสุนเฉี่ยวแขน ผู้กองหนุ่มถึงกับทรุด เสือหนุ่มเห็นดังนั้นก็ขู่สำทับ
“แพ้ก็คือแพ้ สู้ไม่ได้ก็อย่าดันทุรัง ถ้ายังตามมาอีกลูกปืนฉันจะเจาะกะโหลกหมวดแน่!”
ooooooo
ระหว่างที่เผ่าเทพดวลปืนกับภูผา ผจงสะกดรอยจ่าเศกที่มาตามหาเผ่าเทพในป่าไพรวารี จ่าเศกพลาดท่าโดนผจงเล่นงานปางตาย กระนั้นก็กระเสือกกระสนจะไปตามหาเผ่าเทพต่อ
ผจงสะใจมากได้เล่นงานตำรวจ หวิดฆ่าทิ้งคามือแล้วหากไม่เจอภูผากำลังดวลกับเผ่าเทพ
“ไอ้ผา งานนี้เอ็งอย่าคิดสนุกคนเดียวสิวะ ขอข้าร่วมวงด้วย ข้าจะได้กลับไปคุยกับพ่อได้ว่าจัดการตำรวจไพรวารีตั้งหัวยันหาง เหี้ยนโรงพักสมใจพ่อ”
การมาของผจงผิดแผนของภูผา จากที่คิดว่าจะใช้ลูกดอกยาสลบจัดการเผ่าเทพก็ต้องเปลี่ยนใจ
“ฉันคนเดียวก็จัดการมันได้อยู่แล้วไม่ต้องเหนื่อยพี่หรอก”