ตอนที่ 14
อารยะพยุงแขนวิจารณ์เดินนำจักราชและจักรณมาถึงมุมปลอดคน ท่านเศรษฐีหันมาบอกลูกชายว่ามีอะไรจะคุยก็ให้ว่ามา เรื่องที่ลูกชายทั้งสองคนของท่านจะคุยไม่พ้นเรื่องฟ้องร้องพ่อตัวเอง อ้างว่าพวกตนไม่ได้เห็นด้วยกับเรื่องนี้แต่คนต้นคิดทั้งหมดคือจักริน
วิจารณ์ประกาศชัดเจนหากตนตายไปสมบัติก้อนสุดท้ายของหนูเล็กไม่มีวันตกไปอยู่ในมือของทั้งคู่เด็ดขาด ทั้งจักราชและจักรณต่างตกตะลึง วิจารณ์หันมองอารยะพยักพเยิดให้เป็นคนอธิบาย
“ท่านเศรษฐีได้ทำพินัยกรรมฉบับใหม่ขึ้นผู้ที่มีสิทธิ์จะได้รับทรัพย์สินที่เหลืออยู่ของท่านคือคุณหนูเล็ก หรือไม่ก็ทายาทที่เกิดจากคุณหนูเล็ก หากไม่มีทั้งคุณหนูเล็กและทายาทของเธอ ท่านจะยกทรัพย์สินทั้งหมดให้กับการกุศลครับ” อารยะอธิบายจบ วิจารณ์ชวนเขากลับ จักราชฟิวส์ขาดด่าพ่อตัวเองว่าบ้าไปแล้ว ท่านยังมีลูกชายอยู่อีกตั้งสองคน ไปยกมรดกให้การกุศลทำบ้าอะไร
“แล้วพวกแกเคยคิดว่ายังมีพ่อคนนี้อยู่อีกหรือเปล่า” ตัดพ้อจบวิจารณ์เดินจากมาทั้งน้ำตา...
ระหว่างรอวิจารณ์กับอารยะกลับมา ดาญ่าบ่นกับเทวัตว่า สงสารวิจารณ์มากมีลูกชายตั้งสามคนแต่ไม่มีใครดูแลท่านเลย แล้วนี่ท่านยังต้องมาจัดงานศพให้ลูกอีก เนตรสุดาโพล่งขึ้นทันทีว่านี่เป็นสาเหตุให้เธอกลัวการมีลูก ดาญ่ากับเทวัตหันมองเธอด้วยสายตาตำหนิเป็นทำนองว่านี่ใช่เวลามาพูดแบบนี้ไหม เธอรู้ตัวยิ้มเจื่อนๆ
“นี่มันไม่ใช่เวลาชิมิ...คุยกันไปก่อนนะขอไปห้องน้ำแป๊บ” ว่าแล้วเนตรสุดาเดินลิ่วออกไป ดาญ่าจึงคุยกับเทวัตอีกว่าเคยคิดว่าตัวเองทุกข์มากที่สุดที่ต้องอยู่ตัวคนเดียว ขาดพ่อขาดแม่แถมการตายของท่านทั้งสองยังมีเงื่อนงำแต่พอมาเห็นวิจารณ์แล้วถึงได้รู้ว่าท่านมีเรื่องทุกข์ใจไม่น้อยไปกว่าเธอเลย ลูกสาวหายสาบสูญ ลูกชายทอดทิ้ง ฟ้องจะเอาสมบัติซ้ำร้ายลูกชายก็มาตายแบบนี้อีกทำให้ท่านดูเป็นคนแก่ที่หมดหวังในชีวิต
“ผมจะดูแลคุณตาเอง”
“ถ้าคุณเป็นหลานท่านจริงๆก็ดีสิคะ ตาหลานจะได้ดูแลกันและกัน”
เทวัตขอติดค้างเรื่องคุณหนูเรือนเล็กไว้ก่อน รอให้ผ่านเรื่องลูกชายของวิจารณ์ไปก่อนแล้วค่อยถามจะดีกว่า ดาญ่าไม่ขัดข้องรอได้อยู่แล้ว จังหวะนั้น อารยะประคองวิจารณ์กลับมา ยิ่งเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าของท่าน ทั้งเทวัตและดาญ่าต่างสงสารจับใจ
ooooooo